นนทบุรี 27 มิ.ย.-กระทรวงพาณิชย์
ประสบความสำเร็จจับมือสภาอุตสาหกรรมแห่งชาติสาธารณรัฐสิงคโปร์
สร้างโอกาสเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับสิงคโปร์ จัดกิจกรรม “Thailand-Singapore
Business Networking”
นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์
เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “Thailand-Singapore Business Networking” โดย มร.ดั๊กลาส ฟู (Mr.
Douglas Foo) ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งชาติสาธารณรัฐสิงคโปร์ได้นำคณะนักธุรกิจสิงคโปร์สมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งชาติสาธารณรัฐสิงคโปร์กว่า
30 ราย ในกลุ่มธุรกิจก่อสร้าง โลจิสติกส์
การสื่อสารและเทคโนโลยี อาหารและเครื่องดื่ม ชีวเวชภัณฑ์และการวิจัย
และธุรกิจบริการอื่นๆ เข้าร่วมกิจกรรมสร้างเครือข่ายธุรกิจกับผู้ประกอบการไทยกว่า 40 ราย เพื่อเชื่อมโยงนักธุรกิจระหว่างสองประเทศสู่การเป็นพันธมิตรทางการค้าการลงทุนในระยะยาว
ทั้งนี้ ไทยยังได้ใช้โอกาสนี้ ชี้แจงถึงโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(EEC) และมาตรการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ
เพื่อสร้างโอกาสสู่การเป็นพันธมิตรทางการค้าและการลงทุนให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
โดยสิงคโปร์เป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญอันดับ 3
ของไทยในอาเซียน แม้สิงคโปร์จะเป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก
มีข้อจำกัดด้านภาคการผลิตและการเกษตร แต่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจเป็นอันดับต้นของโลก
ในขณะที่ประเทศไทย มีจุดเด่นด้านการเป็นแหล่งผลิตและส่งออกอาหาร
ตลอดจนสินค้าและธุรกิจบริการที่มีศักยภาพที่สำคัญของโลก
นอกจากนี้
จากการที่รัฐบาลได้เดินหน้าพัฒนาปรับโครงสร้างพื้นฐานหลักอย่างเต็มรูปแบบ
โดยให้ความสำคัญใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1.การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคภายในประเทศและเชื่อมต่อประเทศ
CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม 2.การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศบนพื้นฐานของการสร้างมูลค่าเพิ่มและนโยบายเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์
ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 และ (3) การยกเครื่องและดำเนินการด้านกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้เกิดการค้าการลงทุน
สิ่งเหล่านี้ได้ส่งผลให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนที่เชื่อมโยงสู่ภูมิภาค
CLMV และยังเชื่อมต่อไปจนถึงตอนใต้ของประเทศจีนอีกด้วย
ดังนั้น
จะเห็นได้ว่าไทยและสิงคโปร์สามารถใช้จุดเด่นและความชำนาญที่แตกต่างกันของแต่ละฝ่ายที่สามารถเกื้อหนุนกันได้
นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
กล่าวว่า การหารือในด้านความร่วมมือด้านพัฒนาผู้ประกอบการไทยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือว่าเสริมศักยภาพของ SMEs ไทยและสร้างเครือข่ายระหว่างกันให้มากขึ้น
ปัจจุบัน สภาอุตสาหกรรมแห่งชาติสาธารณรัฐสิงคโปร์มีสมาชิกกว่า 3,000 ราย โดยร้อยละ 90 เป็น SMEs และมีศูนย์ความเป็นเลิศ
(Centre of Excellence) ในสังกัดถึง 7
ศูนย์ด้วยกัน รวมถึงมีศูนย์ให้บริการฝึกอบรมแก่ผู้ประกอบการ SMEs สิงคโปร์ด้วย ในขณะที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
มีสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ฝึกอบรมและพัฒนาศักยภาพ
SMEs ไทยในการดำเนินธุรกิจในโลกการค้ายุคใหม่
ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์ SMEs ของไทยเป็นอย่างมาก
สำหรับประเทศไทยและสิงคโปร์มีความเชื่อมโยงทางการค้าการลงทุนที่ใกล้ชิด
โดยมูลค่าการค้าไทย-สิงคโปร์ ในปี 2560 อยู่ที่ 16,180.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าเงินลงทุนโดยตรง (outflow) ของไทยในสิงคโปร์ที่ 18,531.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สูงที่สุดเทียบกับการลงทุนโดยตรงของไทยในกลุ่มประเทศอาเซียน
และสิงคโปร์มีปริมาณเงินลงทุนในการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนกับบีโอไอในประเทศไทยสูงเป็นอันดับ
1 ของมูลค่าการลงทุนจากอาเซียน และอันดับ 2 จากต่างชาติทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย