นนทบุรี 25 มิ.ย. – พาณิชย์เผยการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน 5 เดือนแรกปี 61 มีมูลค่า 5.64 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.40 มาเลเซียนำโด่งยอดการค้าชายแดนสูงสุด มั่นใจปีนี้การค้าชายแดนและผ่านแดนเข้าเป้า 1.5 ล้านล้านบาท เพิ่มร้อยละ 15
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2561 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่า 564,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.40 โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 320,393 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.53 และการนำเข้ามูลค่า 243,902 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.98 เกินดุลการค้ามูลค่า 76,491 ล้านบาท แยกเป็นการค้าชายแดนมูลค่า 463,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.18 เป็นการส่งออกมูลค่า 271,592 ล้านบาท ลดลง 2.62 การนำเข้ามูลค่า 192,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.59 เกินดุลการค้ามูลค่า 79,315 ล้านบาท โดยปี 2560 ยอดการค้าชายแดนมีมูลค่าสูงถึง 1.32 ล้านล้านบาท เติบโตถึงร้อยละ 9.84 ส่วนการค้าผ่านแดนมูลค่า 100,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เป็นการส่งออกมูลค่า 48,801 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.03 นำเข้ามูลค่า 51,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.59 ขาดดุลการค้ามูลค่า 2,824 ล้านบาท
ทั้งนี้ การค้าชายแดนแยกเป็นรายประเทศ พบว่า การค้ากับมาเลเซียยังคงนำเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 233,455 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เป็นการส่งออกมูลค่า 121,078 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.98 ตามมาด้วย สปป.ลาว มูลค่า 90,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.52 เป็นการส่งออกมูลค่า 55,939 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.03 นำเข้ามูลค่า 34,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.92 เมียนมา มูลค่า 81,036 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.47 เป็นการส่งออก 47,356 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.96 นำเข้ามูลค่า 33,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.53 และกัมพูชา มูลค่า 58,693 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.51 เป็นการส่งออกมูลค่า 47,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.21 นำเข้ามูลค่า 11,475 ลดลงร้อยละ 10.96
ขณะที่การค้ากับเมียนมาขยายตัวสูงสุดถึงร้อยละ 9.47 เพราะการนำเข้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 33.53 โดยเป็นการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ ส่วน สปป.ลาวมีการนำเข้าเพิ่มถึงร้อยละ 19.92 เป็นการนำเข้าพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งไม่น่ากังวล เพราะนำเข้ามาใช้เป็นพลังงานของประเทศและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ที่น่าจับตา คือ ด้านการส่งออกจากนี้ไปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้อีก โดยเฉพาะส่งออกไป สปป.ลาว หลังมีการปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20 จาก 900,000 กีบ เป็น 1.1 ล้านกีบ ทำให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นและยังมีการยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าบ้านฮวก อ.ภูซาง จ.พะเยา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ ทำให้เกิดเส้นทางขนส่งสินค้าสามารถลดระยะทางและต้นทุนการขนส่งสินค้าได้ ส่วนกัมพูชาคาดว่าจะส่งออกได้เพิ่มขึ้น จากการที่กำลังซื้อของคนชั้นกลางดีขึ้น และยังมีการยกระดับจุดผ่อนปรนบ้านเขาดินเป็นจุดผ่านแดนถาวร ทำให้สามารถกระจายสินค้าของไทยจากจังหวัดสระแก้วไปยังจังหวัดพระตะบองได้สะดวกรวดเร็วขึ้น
สำหรับการค้าผ่านแดน พบว่า ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยการค้าผ่านแดนไปเวียดนามมีมูลค่ามากที่สุด 34,257 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.63 เป็นการส่งออกมูลค่า 23,441 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.14 นำเข้า 10,814 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 81.92 รองลงมา คือ จีนตอนใต้ มูลค่า 33,494 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.90 เป็นการส่งออกมูลค่า 12,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.71 และนำเข้ามูลค่า 20,764 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.04 และสิงคโปร์ มูลค่า 32,676 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.61 เป็นการส่งออก 12,629 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.81 นำเข้า 20,045 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.55
“การค้าผ่านแดนไปจีนตอนใต้ขยายตัวสูงทั้งการส่งออกและนำเข้า เพราะสินค้าเกษตรไทยส่งออกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็ง ซึ่งมีการขยายตัวสูงถึงร้อยละ 224 และยังได้รับผลดีจาก AQSIQ ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการอนุญาตการนำเข้าสินค้าเกษตรของจีนเพิ่มรายชื่อสินค้าผลไม้ของไทยที่สามารถส่งออกเข้าสู่ประเทศจีน 22 รายการ เมื่อต้นปี 2561 ทำให้การส่งออกสินค้าผลไม้ของไทยเติบโตอย่างมาก เช่น มังคุด ลำไยแห้ง ทุเรียน ส่วนใหญ่ผ่านทางด่านโย่วอี้กวาน ด่านผิงเสียง ด่านตงซิน ด่านผู่จ้าย เป็นต้น รวมทั้งยังอนุญาตให้ไทยส่งออกไก่สดแช่แข็งไปยังจีนได้ผ่านทางแม่น้ำโขงขึ้นไปท่าเรือกวนเหล่ยเพื่อจำหน่ายในมณฑลยูนนาน ทำให้ไทยส่งออกได้มากขึ้นด้วย
ส่วนแผนงานและกิจกรรมที่จะนำมาใช้ผลักดันการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 วันที่ 28 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2561 จะมีการจัดงานหุ้นส่วนเศรษฐกิจชายแดนไทย-เมียนมา จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้นำรัฐบาลท้องถิ่นภาคตะนาวศรีของเมียนมาและคณะจะเดินทางเยือนจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยภายในงานจะมีการหารือระหว่างรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ไทยกับมุขมนตรีและผู้แทนหน่วยงานภาครัฐของภาคตะนาวศรี อีกทั้งยังมีกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ คลินิกการค้าชายแดนสำหรับผู้ประกอบการ และวันที่ 19-22 กรกฎาคม 2561 กรมฯ จะเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนและมหกรรมการค้าภายใต้ IMT-GT และ BIMP-EAGA ครั้งที่ 4 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ ซึ่งเป็นงานระดับนานาชาติที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง 2 กรอบความร่วมมือภายในอนุภูมิภาค ได้แก่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย หรือ IMT-GT และกรอบความร่วมมือการพัฒนาเศรษฐกิจอาเซียนด้านตะวันออกบรูไน-อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์ หรือ BIMP-EAGA โดยภายในงานจะมีการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน และฟิลิปปินส์ รวมทั้งยังมีการจัดงานสัมมนาเกษตรนวัตกรรม สินค้าฮาลาล
นอกจากนี้ กรมฯ จะใช้ YEN-D Program หรือกิจกรรมสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นกลไกขับเคลื่อนการค้าและการลงทุน โดยวันที่ 16-18 กรกฎาคม 2561 ผู้ประกอบการ YEN-D ไทยจะมีกิจกรรม YEN-D Outgoing เยือนกรุงพนมเปญ เพื่อสานต่อและขยายความสัมพันธ์การค้าและการลงทุนกับประเทศกัมพูชา และปีนี้ยังมีกิจกรรม YEN-D Frontier อีก 3 รุ่น คือ YEN-D Frontier สงขลา YEN-D Frontier หนองคาย และ YEN-D Frontier สระแก้ว จึงมั่นใจว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นจะช่วยผลักดันให้มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนปีนี้เข้าใกล้เป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ 1.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ได้. – สำนักข่าวไทย