5 เดือนค้าชายแดนโตต่อเนื่อง

นนทบุรี 25  มิ.ย. – พาณิชย์เผยการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน 5 เดือนแรกปี 61 มีมูลค่า 5.64 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.40 มาเลเซียนำโด่งยอดการค้าชายแดนสูงสุด มั่นใจปีนี้การค้าชายแดนและผ่านแดนเข้าเป้า 1.5 ล้านล้านบาท เพิ่มร้อยละ 15


นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2561 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่า 564,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.40 โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 320,393 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.53 และการนำเข้ามูลค่า 243,902 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.98 เกินดุลการค้ามูลค่า 76,491 ล้านบาท แยกเป็นการค้าชายแดนมูลค่า 463,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.18 เป็นการส่งออกมูลค่า 271,592 ล้านบาท ลดลง 2.62 การนำเข้ามูลค่า 192,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.59 เกินดุลการค้ามูลค่า 79,315 ล้านบาท โดยปี 2560 ยอดการค้าชายแดนมีมูลค่าสูงถึง 1.32 ล้านล้านบาท เติบโตถึงร้อยละ 9.84  ส่วนการค้าผ่านแดนมูลค่า 100,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เป็นการส่งออกมูลค่า 48,801 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.03 นำเข้ามูลค่า 51,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.59 ขาดดุลการค้ามูลค่า 2,824 ล้านบาท


ทั้งนี้ การค้าชายแดนแยกเป็นรายประเทศ พบว่า การค้ากับมาเลเซียยังคงนำเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 233,455 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เป็นการส่งออกมูลค่า 121,078 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.98 ตามมาด้วย สปป.ลาว มูลค่า 90,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.52 เป็นการส่งออกมูลค่า 55,939 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.03 นำเข้ามูลค่า 34,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.92 เมียนมา มูลค่า 81,036 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.47 เป็นการส่งออก 47,356 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.96 นำเข้ามูลค่า 33,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.53 และกัมพูชา มูลค่า 58,693 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.51 เป็นการส่งออกมูลค่า 47,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.21 นำเข้ามูลค่า 11,475 ลดลงร้อยละ 10.96 

ขณะที่การค้ากับเมียนมาขยายตัวสูงสุดถึงร้อยละ  9.47 เพราะการนำเข้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 33.53 โดยเป็นการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ ส่วน สปป.ลาวมีการนำเข้าเพิ่มถึงร้อยละ 19.92 เป็นการนำเข้าพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งไม่น่ากังวล เพราะนำเข้ามาใช้เป็นพลังงานของประเทศและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ที่น่าจับตา คือ ด้านการส่งออกจากนี้ไปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้อีก โดยเฉพาะส่งออกไป สปป.ลาว หลังมีการปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20 จาก 900,000 กีบ เป็น 1.1 ล้านกีบ ทำให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นและยังมีการยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าบ้านฮวก อ.ภูซาง จ.พะเยา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ ทำให้เกิดเส้นทางขนส่งสินค้าสามารถลดระยะทางและต้นทุนการขนส่งสินค้าได้ ส่วนกัมพูชาคาดว่าจะส่งออกได้เพิ่มขึ้น จากการที่กำลังซื้อของคนชั้นกลางดีขึ้น และยังมีการยกระดับจุดผ่อนปรนบ้านเขาดินเป็นจุดผ่านแดนถาวร ทำให้สามารถกระจายสินค้าของไทยจากจังหวัดสระแก้วไปยังจังหวัดพระตะบองได้สะดวกรวดเร็วขึ้น


สำหรับการค้าผ่านแดน พบว่า ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยการค้าผ่านแดนไปเวียดนามมีมูลค่ามากที่สุด 34,257 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.63 เป็นการส่งออกมูลค่า 23,441 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.14 นำเข้า 10,814 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 81.92 รองลงมา คือ จีนตอนใต้ มูลค่า 33,494 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.90 เป็นการส่งออกมูลค่า 12,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.71 และนำเข้ามูลค่า 20,764 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.04 และสิงคโปร์ มูลค่า 32,676 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.61 เป็นการส่งออก 12,629 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.81 นำเข้า 20,045 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.55

“การค้าผ่านแดนไปจีนตอนใต้ขยายตัวสูงทั้งการส่งออกและนำเข้า เพราะสินค้าเกษตรไทยส่งออกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็ง ซึ่งมีการขยายตัวสูงถึงร้อยละ 224 และยังได้รับผลดีจาก AQSIQ ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการอนุญาตการนำเข้าสินค้าเกษตรของจีนเพิ่มรายชื่อสินค้าผลไม้ของไทยที่สามารถส่งออกเข้าสู่ประเทศจีน 22 รายการ เมื่อต้นปี 2561 ทำให้การส่งออกสินค้าผลไม้ของไทยเติบโตอย่างมาก เช่น มังคุด ลำไยแห้ง ทุเรียน ส่วนใหญ่ผ่านทางด่านโย่วอี้กวาน ด่านผิงเสียง ด่านตงซิน ด่านผู่จ้าย เป็นต้น รวมทั้งยังอนุญาตให้ไทยส่งออกไก่สดแช่แข็งไปยังจีนได้ผ่านทางแม่น้ำโขงขึ้นไปท่าเรือกวนเหล่ยเพื่อจำหน่ายในมณฑลยูนนาน ทำให้ไทยส่งออกได้มากขึ้นด้วย

ส่วนแผนงานและกิจกรรมที่จะนำมาใช้ผลักดันการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 วันที่ 28 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2561 จะมีการจัดงานหุ้นส่วนเศรษฐกิจชายแดนไทย-เมียนมา จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้นำรัฐบาลท้องถิ่นภาคตะนาวศรีของเมียนมาและคณะจะเดินทางเยือนจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยภายในงานจะมีการหารือระหว่างรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ไทยกับมุขมนตรีและผู้แทนหน่วยงานภาครัฐของภาคตะนาวศรี อีกทั้งยังมีกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ คลินิกการค้าชายแดนสำหรับผู้ประกอบการ และวันที่ 19-22 กรกฎาคม 2561 กรมฯ จะเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนและมหกรรมการค้าภายใต้ IMT-GT และ BIMP-EAGA ครั้งที่ 4 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ ซึ่งเป็นงานระดับนานาชาติที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง 2 กรอบความร่วมมือภายในอนุภูมิภาค ได้แก่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย หรือ IMT-GT และกรอบความร่วมมือการพัฒนาเศรษฐกิจอาเซียนด้านตะวันออกบรูไน-อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์ หรือ BIMP-EAGA โดยภายในงานจะมีการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน และฟิลิปปินส์ รวมทั้งยังมีการจัดงานสัมมนาเกษตรนวัตกรรม สินค้าฮาลาล

นอกจากนี้ กรมฯ จะใช้ YEN-D Program หรือกิจกรรมสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นกลไกขับเคลื่อนการค้าและการลงทุน โดยวันที่ 16-18 กรกฎาคม 2561 ผู้ประกอบการ YEN-D ไทยจะมีกิจกรรม YEN-D Outgoing เยือนกรุงพนมเปญ เพื่อสานต่อและขยายความสัมพันธ์การค้าและการลงทุนกับประเทศกัมพูชา และปีนี้ยังมีกิจกรรม YEN-D Frontier อีก 3 รุ่น คือ YEN-D Frontier สงขลา YEN-D Frontier หนองคาย และ YEN-D Frontier สระแก้ว จึงมั่นใจว่ากิจกรรมที่จัดขึ้นจะช่วยผลักดันให้มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนปีนี้เข้าใกล้เป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ 1.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ได้. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย