กรุงเทพ 22 มิ.ย. – ทีเอ็มบีเผยคนไทยส่วนใหญ่มีเงินออมพอใช้ไม่ถึง 6 เดือน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen X เสพติดชีวิตหรูหรา ติดโซเชียลมีเดีย และยังออมผิดที่ผิดทาง
นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหาร TMB Analytics ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยผลการศึกษาหัวข้อ “คนไทยมีเงินเหลือใช้ไม่ถึง 6 เดือนเมื่อหยุดทำงาน” ของศูนย์ Customer Insights by TMB Analytics ว่า จากผลการสำรวจออนไลน์กับคนไทยทั่วประเทศที่มีอายุระหว่าง18-54 ปี จากฐานข้อมูลผู้ประกอบอาชีพ 35 ล้านคน พบว่าคนไทยร้อยละ 80 มีเงินออมพอใช้ไม่ถึง 6 เดือน ขณะที่กลุ่มที่มีเงินออมพอสำหรับการใช้จ่ายตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 20 โดยปัญหาเงินออมไม่พอเกิดขึ้นตั้งแต่กลุ่มวัยเริ่มทำงาน (Gen Y) จนมาถึงกลุ่มคนทำงาน (Gen X) และร้อยละ 70 ของผู้ที่มีรายได้สูง คือ มากกว่า 30,000 บาทต่อเดือนยังมีเงินออมไม่พอ และพบว่าคนที่มีเงินออมไม่พอส่วนใหญ่เป็นพนักงานเอกชนและจ้างงานอิสระ
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนไทย ที่สำคัญคือไลฟ์สไตล์เปลี่ยนแปลงไปเน้นความสะดวกสบายและรวดเร็ว ติดหรู เช่น ทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น เน้นสถานที่บรรยากาศดี ชิลชิล ชิคชิค และนิยมเสพโซเชียลมีเดีย แชท แชร์ เพิ่มขึ้น ใช้จ่ายไปกับด้านความบันเทิง การบริโภคสุราและสูบบุหรี่
นางสาวนันทพร ตั้งเจริญศิริ หัวหน้าทีม Customer Experience & Insights กล่าวว่า คนไทยมีการใช้จ่ายเกินกำลังจะเห็นได้จากปัจจุบัน มากกว่าร้อยละ 50 ของคนที่มีบัตรเครดิตไม่สามารถจ่ายบิลรายเดือนได้เต็มจำนวน และอีกร้อยละ 48 เคยผ่อนสินค้าแบบยอมเสียดอกเบี้ย นอกจากนี้ การขาดวินัยในการออมน่าจะเป็นปัจจัยหลักทำให้คนไทยมีเงินออมไม่พอเพียง โดยมีเพียงร้อยละ 38 ที่มีพฤติกรรมออมก่อนใช้และแยกบัญชีชัดเจน ขณะที่ร้อยละ 49 ใช้ก่อนออมทีหลัง และอีกร้อยละ 13 ยังไม่คิดออม และร้อยละ 21ยอมรับว่ายังไม่เคยคิดถึงวางแผนการใช้จ่ายหลังเกษียณ มองเป็นเรื่องไกลตัว
ส่วนผลการวิคราะห์เรื่องการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน พบว่าคนไทยกว่าร้อยละ 80 ฝากเงินกับธนาคารและเกินครึ่งเป็นเงินฝากออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉลี่ยสัดส่วนของเงินฝากจะต่ำกว่าร้อยละ 50
ผลวิจัยพบว่าคนไทยส่วนใหญ่เผชิญความเสี่ยงสูง ทั้งในแง่อุบัติเหตุและการเสียชีวิตจากโรคร้าย แต่กลับป้องกันความเสี่ยงในระดับต่ำ ประเทศไทยมีอัตราการตายจากอุบัติเหตุสูงเป็นที่ 13 ของโลกและมีค่าใช้จ่ายด้านรักษาพยาบาลสูงขึ้นทุกปี แต่ทั้งกลุ่มที่เงินออมพอและกลุ่มที่มีเงินออมไม่พอมีการทำประกันประกันไว้ไม่ถึงร้อยละ 10 ซึ่งสอดคล้องกับสัดส่วนเบี้ยประกันต่อรายได้รวมของไทยยังอยู่ในระดับต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศพัฒนาแล้ว. – สำนักข่าวไทย