สำนักงาน กกต. 21 มิ.ย.-พรรคอนาคตใหม่นำ 670 รายชื่อสมาชิกพร้อมทุนประเดิมขอจดจัดตั้งพรรคการเมืองต่อกกต.แล้ว ย้ำไม่ร่วมวงหารือพรรคการเมืองกับรัฐบาล
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ว่าที่เลขาธิการพรรค นำรายชื่อสมาชิก 670 รายชื่อ พร้อมทุนประเดิมพรรคจำนวน 1,082,679.38 บาท เพื่อขอจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยนายปิยบุตร กล่าวว่า ได้ตรวจสอบคุณสมบัติต้องห้ามเบื้องต้นของสมาชิกพรรคแล้ว คาดว่ากรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะใช้เวลาตรวจสอบรายชื่อไม่เกิน 2 เดือนนับจากนี้ และจะสามารถจดแจ้งเป็นพรรคการเมืองโดยสมบูรณ์ไม่เกินต้นเดือนกันยายน ก่อนจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป
ด้านนายธนาธร กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่จะไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมหารือระหว่างพรรคการเมืองกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และรัฐบาล เพราะมองว่าอำนาจการกำหนดวันเลือกตั้ง กฎกติกาอยู่ที่รัฐบาลและคสช.กำหนด แม้จะไม่เข้าร่วมหารือ แต่พรรคพร้อมจะปฏิบัติตามเพื่อให้เกิดการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม คสช.ควรปลดล็อคคำสั่งและประกาศที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของพรรคการเมืองและประชาชน เพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างเสรี
“การเลือกตั้งจะช้าหรือเร็ว เป็นไปตามโรดแมปหรือไม่ เป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุม แต่ไม่กระทบแนวทางการดำเนินงานและจุดยืนพรรค พรรคจะเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งและชี้แจงเจตนารมณ์ต่อประชาชน แต่การปลดล็อคช้า พรรคการเมืองจะมีเวลาเตรียมตัวกระชั้นชิดเกินไป” นายธนาธร กล่าว
ด้านนายปิยบุตร กล่าวว่า การทำไพรมารีโหวตไม่กระทบพรรค เพราะเมื่อเป็นพรรคการเมืองที่สมบูรณ์หลังจากกกต.รับรองประมาณต้นกันยายน พรรคจะมีเวลาดำเนินกิจการ พร้อมมองว่าขณะนี้เป็นช่วงโค้งสุดท้ายการใช้อำนาจของ คสช. ซึ่งไม่มีเหตุผลที่ คสช.จะล็อคประชาชนและพรรคการเมืองไว้ และเชื่อว่าหากคสช.ยังไม่ปลดล็อค การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะไม่สมบูรณ์แบบภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย
นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ภายหลังเกี่ยวกับกระแสดูดส.ส.ว่า เป็นเรื่องดี เพราะนักการเมืองจะได้แสดงตัวตนชัดเจนให้ประชาชนเห็นว่าใครสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยหรือระบบเผด็จการหรือต้องการสืบทอดอำนาจคสช. ซึ่งนักการเมืองเป็นอาชีพที่มาจากระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น หากนักการเมืองรับใช้เผด็จการถือเป็นผู้ทรยศต่ออุดมการณ์และจรรยาบรรณวิชาชีพตัวเอง แม้จะมีรายชื่อของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อาของตัวเองเป็นหนึ่งในรายชื่อกระแสดูดส.ส. ซึ่งตนหมายความตามที่ได้กล่าวไป
ส่วนประเด็นข้อถกเถียงโทษประหารชีวิต นายธนาธร กล่าวว่า โทษของรัฐประหารคือการประหารชีวิต แต่ที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ของไทยไม่เคยเห็นการประหารชีวิตคนที่ทำรัฐประหารเลยสักครั้ง
ด้านนายปิยบุตร กล่าวว่า สังคมมีความเห็นหลากหลายเกี่ยวกับโทษประหารชีวิต ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ดีในการถกเถียงกัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้หารือกันในพรรคว่าจะนำเรื่องนี้เป็นหนึ่งในนโยบายหรือไม่ แต่เห็นว่าเรื่องนี้ควรเกิดการถกเถียงในสังคมให้เป็นสาธารณะให้เกิดการแลกเปลี่ยนกัน .- สำนักข่าวไทย
