นนทบุรี 21 มิ.ย. – พาณิชย์ประเมินทิศทางส่งออกข้าวไทยครึ่งปีหลัง ยืนยันยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก มั่นใจปีนี้ตามเป้า 10 ล้านตัน
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากประเด็นราคาข้าวเจ้า ข้าวปทุมธานีมีแนวโน้มอ่อนตัวลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจจะมีผลจากผู้ประกอบการมีการชะลอการรับซื้อข้าว เนื่องจากสภาพอากาศที่มีฝนตก ส่งผลให้การขนย้ายข้าวลงเรือเพื่อส่งออกล่าช้าไปบ้าง แต่จากสถานการณ์การส่งออกข้าวของไทยตั้งแต่ต้นปีไทยมีคำสั่งซื้อข้าวจำนวนมากจากประเทศผู้นำเข้าข้าวสำคัญ อาทิ มาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน และฟิลิปปินส์ ทั้งในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) รัฐบาลต่อเอกชน (G to P) และเอกชนต่อเอกชน (P to P) ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อปริมาณมากมารองรับผลผลิตข้าวไทยอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งจะช่วยรักษาระดับราคาข้าวไทยให้มีเสถียรภาพและเป็นทิศทางที่ดีสำหรับการส่งออกข้าวไทย โดยขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างการส่งมอบข้าวตามคำสั่งซื้อข้างต้น
สำหรับสถานการณ์ส่งออกข้าวในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีคำสั่งซื้อข้าวแบบ G to G จากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้ประสานกับ COFCO Corporation เพื่อเริ่มเจรจาซื้อข้าวงวดที่ 6 ปริมาณ 100,000 ตัน โดยมีกำหนดส่งมอบข้าวเดือนสิงหาคม – กันยายน 2561 อีกทั้งมีการคาดการณ์ว่าตลาดอินโดนีเซีย บังกลาเทศ และแอฟริกา ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่มีความต้องการนำเข้าข้าวจากภาคเอกชนไทยเพิ่มขึ้น ทำให้มีคำสั่งซื้อมารองรับผลผลิตข้าวที่จะออกในช่วงปลายปี นอกจากปัจจัยบวกดังกล่าวข้างต้นกระทรวงพาณิชย์ยังมีแผนจัดคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและภาคเอกชนเดินทางไปเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญในภูมิภาคต่างๆ อาทิ สหรัฐฯ แคนาดา และออสเตรเลีย เพื่อกระตุ้นและผลักดันการส่งออกข้าวไทย เช่น ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวหอมนิล ข้าวสังข์หยด และข้าว กข 43 ให้เพิ่มมากขึ้น จึงมั่นใจว่าการส่งออกข้าวไทยในปี 2561 จะบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10 ล้านตันอย่างแน่นอน
ด้านการผลิตขณะนี้อยู่ในช่วงนาปรัง 2561 เก็บเกี่ยวไปแล้วในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน 2561 ร้อยละ 86.73 ของพื้นที่เพาะปลูก หากเทียบกับความต้องการข้าวจากต่างประเทศข้างต้นไม่น่าจะมีเหตุผลที่ราคาข้าวจะลดลง อย่างไรก็ตาม เพื่อประเมินสถานการณ์ปริมาณข้าวที่มีทั้งของเกษตรกรและผู้ประกอบการทั้งระบบได้สั่งการให้กรมการค้าภายในตรวจสอบปริมาณข้าวในสตอกของผู้ประกอบการค้าข้าว ทั้งผู้ส่งออกที่ต้องดำรงสตอกตามกฎหมายและผู้ประกอบการโรงสี โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2561 เพื่อให้ทราบปริมาณข้าวที่แท้จริง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดมาตรการทางการตลาดปัจจุบันและสำหรับฤดูการผลิต ปี 2561/2562 ในปลายปีต่อไป
ด้านสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยคาดว่าน่าจะมาจากผู้ซื้อข้าวในต่างประเทศเริ่มชะลอการซื้อข้าว หลังจากก่อนหน้านี้นำเข้าข้าวจำนวนมาก ผลผลิตข้าวประเทศเวียดนามเริ่มออกสู่ตลาด และคาดว่าจะมีปริมาณมากที่สุดในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาข้าวขาวของเวียดนามอ่อนตัวลงและทำให้ผู้ซื้อบางส่วนหันไปให้ความสนใจข้าวเวียดนามมากขึ้น ขณะที่การประมูลเพื่อขอโควตานำเข้าข้าวภายใต้ระบบ MAV ในส่วนของภาคเอกชนของประเทศฟิลิปปินส์เลื่อนเป็นวันที่ 25 มิถุนายน 2561 ทำให้ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับปริมาณที่จะขอโควตา เพื่อนำเข้าข้าวจากไทย รวมทั้งการส่งมอบข้าวให้ฟิลิปปินส์เกิดความล่าช้าจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยและปัญหาทางด้านลอจิสติกส์ ทำให้มีสินค้าตกค้างจำนวนมาก ทำให้การส่งมอบในส่วนที่เหลือต้องชะลอออกไปด้วย
และที่สำคัญที่ส่งผลให้ราคาข้าวปรับลดลงมากในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องมาจากสภาพอากาศไทยเกิดภาวะฝนตกหนักและตกต่อเนื่องเป็นเวลานานส่งผลกระทบต่อการขนถ่ายสินค้า ทั้งนี้ คาดว่าราคาข้าวที่ปรับลดลงน่าจะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาอันสั้น เพราะเกิดจากปัญหาด้านโลจิสติกส์และสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้.-สำนักข่าวไทย