กรุงเทพฯ 20 มิ.ย.- “อภิสิทธิ์” เชื่อจัดเลือกตั้งหลังพระราชพิธี ไม่กระทบโรดแมปเลือกตั้ง แนะปลดล็อกทำบางกิจกรรมในเวลาที่เหมาะสม เปิดทางพรรคการเมืองทำไพรมารีโหวต ยัน ปชป.พร้อมเดินหน้า แต่ห่วงกลายเป็นแค่พิธีกรรม ไม่ตรงตามเจตนารมณ์กฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า นายกรัฐมนตรีบอกแล้วว่าไม่มีอะไรขัดแย้งกับโรดแมป ซึ่งคนไทยก็อยากเห็นความสงบในช่วงพระราชพิธีสำคัญอยู่แล้ว ส่วนจะเป็นสัญญาณว่าจะไม่มีการปลดล็อกทางการเมืองในช่วงเวลานี้หรือไม่นั้น คงบอกไม่ได้ แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็มีแนวโน้มที่จะเชิญพรรคการเมืองไปหารือเกี่ยวกับการทำกิจกรรมทางการเมืองภายใน 2 สัปดาห์นี้ จึงไม่ทราบว่า คสช.จะดำเนินการอย่างไร ต้องรอฟังก่อน
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สิ่งแรกที่คิดว่า คสช.ต้องสะสางก่อนคือเรื่องข้อกฎหมายที่ติดพันกันอยู่ เช่น ปัญหาของพรรคการเมืองที่จะประชุมใหญ่ได้หรือไม่ เพราะมีหรือไม่มีสาขา จะตั้งสาขาได้หรือไม่ เพราะยังประชุมใหญ่ไม่ได้ รวมถึงการไล่ดูให้พรรคการเมืองมีสมาชิกเพียงพอที่จะส่งผู้สมัคร ส.ส. และมีสมาชิกพอที่จะทำไพรมารีโหวตจะทำอย่างไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เห็นว่าจะกระทบกับความสงบเรียบร้อย หากมีพรรคการเมืองใดไปทำกิจกรรมที่สร้างความวุ่นวายก็มีแต่จะทำให้สังคมไม่เอาด้วย เพราะสังคมต้องการเห็นความสงบ จึงเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามเดิมคือเดือนกุมภาพันธ์ 2562 มีการเลือกตั้ง เพราะนายกรัฐมนตรีก็ยังยืนยันเรื่องนี้อยู่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็มีการเตรียมความพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย เดินหน้าออกแบบอำนวยความสะดวกในเรื่องการรับสมาชิกใหม่ ถ้ามีการผ่อนคลายให้ทำกิจกรรมทางการเมืองได้ ก็จะสามารถอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกใหม่ผ่านแอพพลิเคชั่นได้อย่างเต็มที่ และจำนวนสมาชิกที่จำเป็นต้องมีเพื่อจัดทำไพรมารีโหวตได้ก็วางเป้าหมายไว้แล้วว่าหลังปลดล็อกกี่วันต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้น และพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการทั้งหมด
ส่วนที่พล.อ.ประวิตร ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่จะใช้มาตรา 44 งดเว้นการทำไพรมารีโหวตนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าจะมีการดำเนินการจริงหรือไม่ แต่ถ้าทำจริงก็ต้องอธิบายหรือมีมาตรการรองรับให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญเรื่องการให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในการสรรหาผู้สมัคร เพราะมีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเขียนไว้ด้วย อย่างไรก็ตามเห็นว่าหากมีการปลดล็อกในช่วงเวลาที่เหมาะสมทุกอย่างก็เดินได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากได้รับเชิญไปให้ความเห็นก็จะอธิบายในทางปฏิบัติว่ามีปัญหาอย่างไรกับการออกกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาไม่มีมุมมองของผู้ปฏิบัติ จึงต้องชี้แจงว่ามีเงื่อนไขอะไรบ้างที่จะทำให้สำเร็จตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยสิ่งที่เป็นห่วงคือหลายเรื่องที่จะทำตามกฎหมาย ไม่ได้คิดถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายแล้ว แต่กลายเป็นเรื่องของการทำเพื่อให้ผ่านเกณฑ์ตามกฎหมายหรือทำเพื่อให้เป็นพิธีกรรม เช่น หากการหาสมาชิก ตั้งสาขาทำได้ยาก สุดท้ายตัวไพรมารีอาจเหลือแค่ 100 คนในจังหวัด ประชุมแค่ 50 คน ลงคะแนนอาจจะน้อยกว่าที่เคยใช้กรรมการบริหารพรรค ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้ไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วม .-สำนักข่าวไทย