โรงแรมแชงกรี-ลา 15 มิ.ย.-ภาคเอกชนชี้ 5 ประเทศในกลุ่ม ACMECS เป็นดาวรุ่งทางเศรษฐกิจ หลังทยอยเปิดประเทศ แนะพัฒนาเทคโนโลยี การเชื่อมโยงทางธุรกิจ เพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ
นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน ACMECS Business Council ในการประชุม ACMECS CEO Forum หัวข้อ Connecting our Future: Enhancing ACMECS Cooperation and Integration ที่โรงแรมแชงกรี-ลา เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า ภารกิจในฐานะประธาน ACMECS Business Council หรือสภาธุรกิจ ACMECS คือเป็นผู้ประสานงานระหว่างภาคเอกชน 5 ประเทศ กัมพูชาเมียนมาลาว เวียดนามและไทย เพื่อสรุปเป็น Business Recommendation เสนอแนะนำต่อรัฐบาล 5 ประเทศให้สอดคล้องแผนแม่บทที่ได้จากการประชุมสุดยอดผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี เจ้าพระยา แม่โขง (ACMECS) ครั้งที่ 8
นายสนั่น กล่าวว่า ในฐานะประธาน ACMECS Business Council ต้องเป็นผู้ประสานงานและขับเคลื่อนในสิ่งที่ภาคเอกชนได้ข้อสรุปไว้ พร้อมติดตามความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ ก่อนจะนำอุปสรรคและปัญหาที่พบไปเสนอต่อรัฐบาลทั้ง 5 ประเทศ เพื่อให้รัฐบาล 5 ประเทศได้เจรจาและช่วยกันปลดล็อกในสิ่งที่ดำเนินการได้ ไม่ว่าจะแผนระยะยาวหรือระยะสั้น เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการเชื่อมโยง ACMECS ทั้งนี้ ภาคเอกชนจะติดตามสิ่งที่เคยหารือกันในการประชุม ACMECS ครั้งที่ 7 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามว่าเรื่องใดที่เป็นไปได้หรือเรื่องใดที่มีปัญหาและอุปสรรค ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะเสนอเพิ่มเติมว่าจะทำงานร่วมกันอย่างไร เพื่อให้มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงกัน
“ต้องยอมรับว่าทั้ง 5 ประเทศใน ACMECS มีความเชื่อมโยงกันทั้งทางบกและทางน้ำอยู่แล้ว ดังนั้น การค้าใน 5 ประเทศเวลานี้ถือว่าเป็นดาวรุ่ง เพราะหลายปีที่ผ่านมาหลายประเทศเริ่มเปิดประเทศแล้ว โดยเฉพาะประเทศเวียดนามที่เวลานี้ ถือว่าเป็นดารา เช่นเดียวกับ กัมพูชา เมียนมา และลาว ที่เติบโตแล้ว โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ที่ประเทศไทยสามารถสนับสนุนให้อีก 4 ประเทศใน ACMECS เติบโตไปด้วยกัน โดยเบื้องต้นจะเสนอด้วยว่าให้มี Single visa จะเป็นได้หรือไม่ เช่น หากทำวีซ่าเข้าประเทศไทย สามารถเดินทางต่อไปยังอีก 4 ประเทศใน ACMECS ได้ นอกจากนี้ เรื่องการค้าการลงทุนที่ขณะนี้ อีก 4 ประเทศกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จีดีพีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6-8 ค่าแรงต่ำ ประชากรจำนวนเพิ่มขึ้น เฉลี่ยอายุประชากรอยู่ที่ประมาณ 30 ปีเท่านั้น นับว่าเป็นจุดแข็งของประเทศอื่น ๆ ที่จะเสริมซึ่งกันและกัน สอดคล้องกับสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีย้ำเสมอว่าเราจะโตไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ผมดีใจที่รัฐบาลชุดปัจจุบันมีความคุ้นเคยและทำความเข้าใจ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำอีก 4 ประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ภาคเอกชนจะรีบเร่งเสนอเรื่องต่าง ๆ ให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้เร็วกว่าในอดีต” นายสนั่น กล่าว
นายสนั่น กล่าวว่า เทคโนโลยีในกลุ่มประเทศ ACMECS ยังต้องได้รับการพัฒนาให้มากกว่านี้ และความเชื่อมโยงในการทำธุรกิจระหว่าง 5 ประเทศที่ควรได้รับการสนับสนุนมากกว่านี้ เช่น ต้องการให้การค้าขายสามารถใช้อัตราแลกเปลี่ยนของแต่ละประเทศได้ ไม่ต้องซื้อเงินตราสกุลอื่นแล้วต้องเสียต้นทุน และต้องการให้ด่านศุลกากรเป็น Single window เพื่อให้ความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากแต่ละประเทศต้องพึ่งพากันและกัน หากมีความสะดวกในการค้าระหว่างประเทศจะเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน การประชุมจะชี้ให้เห็นถึงระบบการขนส่ง เช่น ถนนเส้นใด หรือสะพานใด จะทำให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว
“การประชุม ACMECS ครั้งนี้ รัฐบาลไทยจะเสนอริเริ่มตั้งกองทุนที่ให้ประเทศในกลุ่มสมาชิกสามารถยืมเงินไปใช้ในการดำเนินโครงการเพื่อเชื่อมโยงการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ เช่น การสร้างสะพาน สร้างถนน เป็นต้น ซึ่งหากมีกองทุนนี้เกิดขึ้นแล้ว เชื่อว่า ประเทศนอกกลุ่มสมาชิกที่ต้องการมีการค้าการลงทุนกับประเทศในกลุ่ม ACMECS น่าจะช่วยเพิ่มเงินในกองทุนเข้ามาด้วย เช่น ประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และจีน ขณะเดียวกัน การประชุมครั้งนี้จะช่วยเพิ่มการเติบโตในประเทศกลุ่มอาเซียน เพราะประเทศในกลุ่ม ACMECS มีจีดีพีที่โตอย่างรวดเร็ว และทำให้อาเซียนเติบโตตามลำดับอยู่แล้ว.- สำนักข่าวไทย
