เปิดบัญชีเงินเดือนพระ “นิตยภัต”

นครปฐม 14 มิ.ย.-ภายหลังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประกาศหาวัดตัวอย่างที่พระไม่จับเงิน เพื่อความโปร่งใส และมีหลายคนยังไม่รู้ว่า พระมีเงินเดือน หรือนิตยภัต และเงินเดือนที่ได้นี้ขัดต่อหลักพระธรรมวินัยที่บัญญัติไว้ในพระไตรปิฎกหรือไม่ สำนักข่าวไทยไปตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมเปิดมุมมองพระและนักวิชาการเรื่องไม่ให้พระจับเงิน


นี่เป็นบัญชี “นิตยภัต” หรือเงินงบประมาณแผ่นดินที่รัฐถวายให้พระสงฆ์ ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ชั้นต่างๆ รวมถึงจีนนิกายและอนัมนิกาย ซึ่งสังคมเข้าใจว่า เงินนิตยภัตคือเงินเดือนพระ พระครูปลัดกวีวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส รองเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย อธิบายว่า “นิตยภัต” มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย สมัยนั้นเรียกว่า “เบี้ยหวัด” เป็นโบราณราชศรัทธาที่พระมหากษัตริย์ถวายให้พระภิกษุสงฆ์ และมีมาจนถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ปรับจากเบี้ยหวัดรายปี เป็นรายเดือน 


ในสมัยรัชกาลที่ 5 เปลี่ยนมาใช้คำว่า “นิตยภัต” จนถึงปัจจุบัน และมีระเบียบเบิกจ่ายที่ชัดเจนจากสำนักพุทธฯ หลักการคือ พระสงฆ์เปิดบัญชีธนาคาร ส่งสำเนาให้สำนักพุทธฯ เพื่อโอนเงินเข้าบัญชี หากพระรูปใดที่ต้องการรับเงินสดหรือเช็ค ต้องมอบอำนาจให้ไวยาวัจกรเท่านั้น


โดยอัตราจ่ายนิตยภัตล่าสุด ในตำแหน่งสูงสุดของสงฆ์ คือ สมเด็จพระสังฆราช อยู่ที่ 34,200 บาท/เดือน รองลงมาในตำแหน่งสมเด็จพระราชาคณะ กรรมการมหาเถรสมาคม ประมาณ 20,000 บาท/เดือน เจ้าอาวาสในพระอารามชั้นต่างๆ ตั้งแต่ 1,000-4,000 บาท เช่น ตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส 1,800 บาท/เดือน หากเทียบแล้วจะได้ใช้ในกิจส่วนตัววันละ 60 บาท

ปัจจุบันพระภิกษุมีกว่า 300,000 รูป  มีเพียง 1 เปอร์เซ็น ที่ได้รับเงินบริจาคจำนวนมาก หากมีขอเสนอห้ามพระจับเงิน เพราะผิดพระวินัย เป็นกรณีศึกษา ที่ต้องมีหน่วยงานศึกษาความจำเป็นที่พระต้องใช้เงินในการดำรงชีวิต แม้ผิดพระไตรปิฏก แต่พุทธเจ้าเคยประกาศให้ถือปฏิบัติตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง 

ด้านอดีตกรรมการปฏิรูปพระพุทธศาสนามองว่า พระจำเป็นต้องมีเงินเดือนใช้จ่ายได้ตามปกติ หากห้ามพระจับเงินจะสร้างภาระให้หลายด้าน เพราะหากขาดปัจจัยจะขาดความสะดวก

มุมมองของพระและนักวิชาการเห็นตรงกันว่า พระจับเงินจับทองหรือมีเงินเดือน เป็นเพียงเรื่องรอง แต่ต้นตอปัญหาที่เกิดขึ้นกับพระสงฆ์ในปัจจุบัน คือ ระบบเงินบริจาคมหาศาล ที่ไหลสู่ระบบบัญชีส่วนตัว หรือส่วนกลางของวัด โดยไม่มีการตรวจสอบอย่างละเอียด จนนำมาสู่การทุจริต หากใช้กฎหมายแล้วแก้ไม่ได้ คงจำเป็นต้องใช้หลักธรรมวินัยควบคู่ไปด้วย.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง