นนทบุรี 14 มิ.ย. – รัฐมนตรีพาณิชย์โชว์ผลงาน 6 เดือน ขยายช่องทางสร้างรายได้ ลดรายจ่าย ดูแลค่าครองชีพดันเศรษฐกิจฐานรากเติบโตได้ดี
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันแถลงข่าวผลการทำงานช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายให้ผู้ประกอบการ เกษตรกร และผู้บริโภค “กินดี อยู่ดี” รวมทั้ง “เพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มคุณภาพชีวิต” ผ่านการดำเนินนโยบายที่สำคัญ 3 ประการ คือ 1. Local Economy หรือการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น/ในประเทศ เพื่อให้เข้มแข็งจากภายในที่มีการเติบโตอย่างทั่วถึงและสมดุลด้วย โดยเฉพาะการเสาะหาและบ่มเพาะคนตัวเล็กและคนด้อยโอกาสให้เข้าถึงการทำธุรกิจหรือการทำมาค้าขาย
ส่วนแนวทางที่ 2 New Economy หรือการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ เพื่อยกระดับและเชื่อมโยงเศรษฐกิจท้องถิ่น/ในประเทศให้เท่าทันและเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจยุคใหม่ที่สำคัญ อาทิ ธุรกิจดิจิทัลและการค้าออนไลน์ ธุรกิจนวัตกรรม ธุรกิจสร้างสรรค์ ธุรกิจบริการยุคใหม่ ธุรกิจสีเขียว และธุรกิจเพื่อสังคม และ 3.Global Economy หรือการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนไปต่างประเทศ เพื่อเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะตลาดที่มีความสำคัญ อาทิ อาเซียน CLMV จีน อเมริกา ยุโรป และตลาดใหม่
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 แนวทางส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น เช่น ราคาข้าวเปลือกทุกชนิด (ยกเว้น ข้าวเหนียว) หอมมะลิ 18,700 บาท/ตัน ขณะที่ราคาข้าวเปลือกอยู่ในระดับสูงเฉลี่ยกว่า 8,000 บาทต่อตันขึ้นไป และเตรียมหารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งสร้างราคาข้าวทั้งระบบให้อยู่ในระดับสูง คาดว่าจะไม่ทำให้ราคาข้าวเปลือกปีนี้ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ความชื้น 14.5% กก. ละ 9.5-9.7 บาท ราคาหน้าโรงงานสูงกว่า 10 บาท/กก. มันสำปะหลัง หัวมันเชื้อแป้ง 25% กก. ละ 3.15 บาท (ปีก่อน 1.7 บาท) ราคาส่งออกมันเส้น 6% แป้งมัน 4% ส่วนผลไม้ทำตามยุทธศาสตร์การพัฒนาผลไม้ครบวงจร ทำให้ผลไม้ไทยหลายชนิดปรับตัวดีขึ้นสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนการดูแลค่าครองชีพและปากท้องของพี่น้องประชาชนผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายประชารัฐสวัสดิการที่รัฐบาลมุ่งให้ความช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.4 ล้านคน จนถึงขณะนี้ได้จัดหาร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ 28,705 ร้านค้าทั่วประเทศ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ยอดขายกว่า 30,000 ล้านบาท โดยในร้านธงฟ้าประชารัฐมีสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพลดราคาร้อยละ 15-20 เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์การศึกษา อุปกรณ์การเกษตร ปัจจุบันร้านธงฟ้าประชารัฐติดตั้งเครื่อง EDC ไปแล้ว 30,000 ร้านค้า ครอบคลุม 7,500 ตำบลทั่วประเทศ ทั้งนี้ จะติดตั้งให้ครบ 40,000 ร้านค้า ภายในเดือน มิถุนายนนี้ นอกจากนี้ ปัจจุบัน “มุมสินค้าชุมชน” นำร่องและจะขยายผล และจัดกิจกรรมธงฟ้าราคาประหยัด ลดร้อยละ 20-40 รวม 1,800 ครั้งทั่วประเทศ ลดค่าครองชีพประชาชน 1.3 ล้านคน (ลดค่าครองชีพได้จำนวน 113 ล้านบาท มูลค่าจำหน่าย 300 ล้านบาท) และการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยในท้องถิ่นทุกจังหวัดให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ผ่านการเพิ่มและขยายช่องทางการตลาด กระทรวงฯ ได้ส่งเสริมการจัดตั้ง MOC BIZ Club ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 10,000 รายทั่วประเทศ ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงช่วยคนตัวเล็กร่วมกับพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศที่จะทำงานเชิงรุกด้านการตลาด
น.ส.ชุติมา กล่าวว่า ผลงานด้านการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกเริ่มฟื้นตัว โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2561 ขยายตัวร้อยละ 11.5 มูลค่ารวม 81,780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวสูงสุดในรอบ 7 ปี มาตรการสำคัญที่ดำเนินการ โดยเร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก ทั้งในรูปแบบตลาด Physical และ Digital (thaitrade.com) ทั้งตลาดเฉพาะกลุ่ม และตลาดเมืองรอง เน้นการส่งเสริมสินค้ารายคลัสเตอร์ และอื่น ๆ และยังขยายความร่วมมือนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนร่วมกันในภูมิภาค CLMVT
อย่างไรก็ตาม ทิศทางการทำงานในอนาคตของกระทรวงพาณิชย์จะเน้นให้กระทรวงพาณิชย์ยุคใหม่ (New MOC) จะขับเคลื่อนเชิงยุทธศาสตร์ด้วยแนวคิด “ตลาดนำผลิต” (Demand Driven) และ “เน้นคุณค่ามากกว่าปริมาณ” โดยปรับบทบาทให้ “คล่องตัว ทันสมัย ปราดเปรียว รองรับการเปลี่ยนแปลง” สอดรับการเศรษฐกิจยุคใหม่มากขึ้น ขณะที่กระทรวงฯ ยังคงดูแลเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมให้มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง โดยเน้นการเป็น “ผู้ส่งเสริมและอำนวยความสะดวก” ในเชิงรุกมากยิ่งขึ้น และยังคงมั่นใจเป้าส่งออกปี 2561 เติบโตร้อยละ 8 เป็นอย่างน้อย พร้อมทั้งการปฏิรูปกระทรวงฯ เพื่อรองรับเศรษฐกิจยุคใหม่ ส่งเสริมอำนวยความสะดวกทางการค้า และ Smart MOC ให้มากขึ้น โดยมีเป้าหมายอนาคตให้เป็น “E-Service ทั้งระบบ” ภายในปี 2562 และสนับสนุนให้ “EoDB ติด TOP 20” ภายใน 3 ปี (จากอันดับที่ 26 ในปัจจุบัน) เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย