โรงแรมเซ็นทาราศูนย์ราชการ 13 มิ.ย.- สธ. ร่วมกับราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย จัดประชุมวิชาการเวชศาสตร์และวิทยาการด้านผู้สูงอายุ ครั้งที่ 3 รองรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) ในปี 2564
นพ. ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดการประชุมวิชาการเวชศาสตร์และวิทยาการด้านผู้สูงอายุ ครั้งที่ 3 (The 3rd Thailand Elderly Health service Forum 2018) พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายรองรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) ในปี 2564 เช่น มีการรณรงค์ให้มีการออมเพื่อชาติ การสนับสนุนให้มีบุตรเพื่อเพิ่มจำนวนประชากรวัยเด็ก การดูแลสุขภาพและที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุ การส่งเสริมกิจกรรมทางสังคม และการสร้างอาชีพเสริมให้มีรายได้เพิ่ม เป็นต้น เพื่อให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ในส่วนกระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมการปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับผู้สูงอายุให้ทันสมัย เพื่อที่จะได้ติดตามดูแลให้ความช่วยเหลือได้อย่างทั่วถึงและตรงกับสภาวะสุขภาพ เน้นการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ ระบบการดูแลรักษาพยาบาล และการดูแลระยะยาว ให้การบริการเข้าถึงผู้สูงอายุในชุมชนให้มากที่สุด โดยระบบบริการปฐมภูมิ ทั้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และคลินิกหมอครอบครัว การพัฒนาความเชี่ยวชาญบุคลากรสาธารณสุขในระบบบริการดูแลผู้สูงอายุ และอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งงานเวชศาสตร์ผู้สูงอายุเป็นองค์ความรู้ในระดับตติยภูมิ แต่ประเทศไทยสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ดี ในระดับปฐมภูมิ โดยทีมสหสาขาและแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การจัดประชุมวิชาการเวชศาสตร์และวิทยาการด้านผู้สูงอายุครั้งนี้ กรมการแพทย์ และราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขนำองค์ความรู้ และวิทยาการต่าง ๆ ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานบริหารจัดการดูแลผู้สูงอายุ ตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัว โดยมีผู้เข้าประชุมทั้งสิ้นจำนวน 500 คน โดยได้รับเกียรติจาก ศ.คลินิกพิเศษ นพ.เสรี ตู้จินดา ปาฐกถาเกียรติยศ สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรฯ ครั้งที่ 3 “The Old Owl Story on National Health Reform” รวมทั้งวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายหน่วยงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะพยาบาลศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลต่างๆ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โรงพยาบาลมันกันคูซูโมประเทศอินโดนีเซีย .-สำนักข่าวไทย