นายกฯ แถลงชี้แจงการจัดทำงบประมาณปี 62

รัฐสภา 7 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรีแถลงชี้แจงการจัดทำงบประมาณปี 62 ยืนยันใช้งบ 3 ล้านล้านบาท ตามกรอบวินัยการคลัง แจงใช้งบไม่ลำเอียง ได้ใกล้เคียงทุกภาค ขออย่ามองว่างบจำนวนมากแล้วจะทุจริตมาก ยืนยันมีกลไกลตรวจสอบ ขอหยุดบิดเบือน รับการปฎิรูปมีปัญหาติดขัดโครงสร้าง งบไม่พอและความขัดแย้ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 มิ.ย.) ที่อาคารรัฐสภา สมาชิกสภานิติบัญัติแห่งชาติ (สนช.) มีการประชุมวาระสำคัญคือการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 โดยมี พล.อ.ประยทุธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เป็นผู้แถลงชี้แจงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ก่อนแถลง นายกรัฐมนตรีได้ประกาศขอให้สมาชิก สนช.ที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาฟังคำแถลงด้วย 

จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลักการและเหตุผลสำคัญของการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2562 จำนวน 3 ล้านล้านบาท เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นมีงบประมาณรายจ่าย ในการจ่ายเงินแผ่นดิน พร้อมย้ำว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี ถือเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ที่สอดคล้องกับสภาวะการทางเศรษฐกิจและสังคม 


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.2-4.7 ขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี คาดว่าการปรับตัวดีขึ้นของการใช้จ่ายภายในประเทศ และการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 0.7-1.7 ขณะที่ปี 2562 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 3.9-4.9 โดยมีปัจจัยการสนับสนุนจากการใช้จ่ายภายในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการลงทุนในภาคเอกชน รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ที่เข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้าง เช่นเดียวกับการส่งออกสินค้า และการท่องเที่ยว ยังมีการขยายตัวตามแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจปี 2562 ยังมีแนวโน้มเกณฑ์ดี โดยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ อยู่ที่ร้อยละ 0.9-1.9  ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุลประมาณ ร้อยละ 6.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้รัฐบาลประมาณการจัดเก็บรายได้ปี 2562 สุทธิทั้งสิ้น 2,673,000 ล้านบาท และต้องจัดสรรให้กับท้องถิ่น 120,000 ล้านบาท ดังนั้นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 เป็นการดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุล โดยกำหนดรายได้สุทธิ จำนวน 2,550,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 450,000 ล้านบาท  ซึ่งรัฐบาลจะบริหารเงินคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ตลอดจนทำให้รายจ่ายและรายรับของรัฐมีความสมดุล และใช้เงินโดยรักษาวินัยการเงินการคลังให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด จึงขอให้เชื่อมั่นในการใช้งบประมาณของรัฐบาล

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า งบประมาณที่รัฐบาลจัดทำขึ้นมีเป้าหมายหลักเพื่อให้ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยังยืน ตามร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สอดคล้องการปฎิรูปประเทศ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 อาทิ การขับเคลื่อนประเทศ สู่ประเทศไทย 4.0 นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ และนโยบายรัฐบาล รวมถึงน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางในการจัดสรรงบประมาณ โดยจำแนกงบปรมาณ ออกเป็น 6 กลุ่มเพื่อให้เกิดความชัเดเจน และจัดสรรงบประมาณตามหลักความสำคัญ ประกอบด้วย 1.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบุคคลากรภาครัฐ 2.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายกระทรวง / หน่วยงาน หรือฟังส์ชั่น 3.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ จำนวน 21 เรื่อง  4.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบูรณาการเชิงพื้นที่ จำนวน 3 เรื่อง 5.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ และ 6.กลุ่มงบกลาง โดยพิจารณาการใช้จ่ายครอบคลุมทุกแหล่งเงิน ทั้งเงินงบประมาณ เงินนอกงบประมาณ และแหล่งเงินอื่น ๆ ทั้งยังยึดหลักการมีส่วนรวมของประชาชน ดำเนินการตามหลักเกณฑ์วินัยการเงินการคลังของรัฐ 


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณประจำปี วงเงิน 3 ล้านล้านบาท จำแนกเป็น รายจ่ายประจำ 2,261,488.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 75.4 รายจ่ายลงทุน จำนวน 660,305.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22 และรายจ่ายชำระหนี้เงินกู้ภาครัฐ จำนวน 78,205.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.6 นอกจากนี้ยังจำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ เป็นยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง วงเงิน 329,239.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 11 ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน วงเงิน 406,496 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 13.5 ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน วงเงิน 560,884.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.7 ด้านการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างการเติบโตจากภายใน วงเงิน 397,581.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.3 ด้านการจัดการน้ำและดูแลสิ่งแวดล้อม วงเงิน 117,266 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.9 ด้านบริหารจัดการภาครัฐ 838,422.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.9 และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ วงเงิน 350,109.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.7 

“สาระสำคัญของการดำเนินการภาครัฐ ภายใต้ร่างงบประมาณนี้ จึงมีประเด็นสำคัญประกอบด้วย การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ผลักดันผลผลิตภาคการเกษตร มุ่งยกระดับรายได้ปี 61/62 เป็น 61,000 บาท ต่อครัวเรือนต่อปี / ส่งเสริมอุตสาหกรรม สร้างโอกาสด้านการลงทุน เชื่อมโยงความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และภูมิภาคต่าง ๆ สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรม 4.0 รวมถึงการริเริ่มพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยงโครงข่ายขนส่ง ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ นอกจากนี้ให้ความสำคัญด้านการศึกษาด้วยการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการศึกษา ตั้งแต่ระดับประถมวัย จนตลอดชีวิต จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี พัฒนาคุณภาพจัดการศึกษาโรงเรียนประชารัฐ ไม่น้อยกว่า 4,500 แห่ง ส่งเสริมการเรียนอาชีวะศึกษา รวมถึงการให้บริการด้านสาธารณสุข ในระบบประกันสุขภาพที่ทั่วถึงและเท่าเทียม พร้อมกันนี้ ขับเคลื่อนประเด็นการปฎิรูปพลังงาน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ขณะที่งบลงทุน ที่ลงไปสู่ภูมิภาค จำนวน 411,552.3 ล้านบาท ถูกจัดสรรลงไปสู่ 6 ภูมิภาค ที่สอดคล้องกับจำนวนประชากร และนโยบายสำคัญของรัฐอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม สู่เป้าหมายประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การจัดทำงบประมาณ แสดงให้เห็นถึงเจตนาของรัฐบาลที่มีความมุ่งมั่นขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ปฎิรูปประเทศ แก้ไขปัญหาเร่งด่วน ให้เป็นรูปธรรม เกิดความยั่งยืน บนพื้นฐานความพอเพียงในระยะยาว เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่สำคัญ คือ การบูรณาการเชิงพื้นที่ และคำนึงถึงความต้องการของประชาชนเป็นหลัก

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในอนาคตอยากให้มีนายกรัฐมนตรีที่ซื่อสัตย์และมีคุณธรรม ดูแลประชาชนทั่วประเทศอย่างเท่าเท่าเทียม ไม่เลือกพรรคพวก หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทั้งนี้ส่วนตัวได้กำชับทุกกระทรวงไปดำเนินการจัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสม เชื่อมโยงทุกภาคส่วน ซึ่งรัฐบาลนี้จัดสรรงบประมาณแต่ละภาคอย่างใกล้เคียงกัน ซึ่งการดำเนินการทุกอย่าง จะไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพื่ออนาคตของเด็กและเยาวชนของประเทศที่กำลังเติบโต ยึดหลัก มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และยังอยากเห็นก่อนการเลือกตั้งจะต้องลดความขัดแย้ง การหาเสียงจะต้องไม่ใส่ร้ายป้ายสีกัน แต่เป็นการหาเสียง นโยบายที่จะทำเพื่อประชาชน สำหรับการปฎิรูปประเทศ ที่ทุกภาคส่วนมีความสำคัญในการช่วยกันขับเคลื่อน แม้จะเกิดปัญหาในด้านงบประมาณ และการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างบ้าง แต่ก็ต้องดำเนินการ และใช้เวลาในการขับเคลื่อน ซึ่งตนยังอยากให้ทุกคนเลือกรับข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่สร้างการบิดเบือนข้อมูล และหันมาสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี มีหลักคิด เพื่อลดความขัดแย้ง ก่อนที่การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามโรดแมปที่วางไว้

“ขออย่ามองว่าการตั้งงบประมาณในปีนี้ 3 ล้านล้านบาทที่สูงกว่าปีที่แล้ว 2.5 ล้านล้านบาท งบเยอะขึ้นจะมีการทุจริตมากขึ้น เพราะถ้าคิดแบบนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ อยากให้ดูว่างบที่สูงขึ้น เพราะต้องแก้ไขปัญหาในอดีต เป็นงบพัฒนาและการลงทุนเพื่ออนาคต ซึ่งการจัดทำงบ ไม่ได้ง่ายเลยที่จะทำให้มีประสิทธิภาพ ถูกต้องและไม่มีการทุจริต รัฐบาลมีกลไกในการตรวจสอบ เมื่อมีข้อทักท้วงมาจาก สตช.และ ป.ป.ช. เราก็ตรวจสอบ หากไม่ผิดกฎหมาย ก็สามารถทำได้ ดังนั้นจึงไม่อยากให้มีคนนำไปบิดเบือน ส่วนการจัดสรรงบ เราได้กระจายให้ทุกภาคได้เงินใกล้เคียงกัน เพราะนี่คือรัฐบาลของคนทั้งประเทศ ไม่ได้เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือพวกของตัวเอง ซึ่งผมก็หวังว่ารัฐบาลหน้าที่ท่านเลือกมา จะทำแบบนี้ด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า สำหรับการปฏิรูป ยอมรับว่ายังมีปัญหา เพราะติดขัดเรื่องโครงสร้าง งบประมาณไม่เพียงพอ และความขัดแย้งที่ยังคงมีอยู่ มีการกล่าวร้ายใส่กันไปมา ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะต้องแก้ไขให้ได้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งที่ยังคงเป็นไปตามโรดแมปเดิมที่วางไว้ 

“ผมขอชื่นชมโครงการ สนช.พบประชาชนว่าเป็นโครงการที่ดี รัฐบาลก็จะส่งคนไปร่วมด้วย เพราะนี่ถือเป็นการทำงานของแม่น้ำ 5 สายที่บูรณาการกัน โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญที่แม่น้ำ 5 สายต้องทำงานอย่างหนักในการนำพาประเทศก้าวไปสู่ประชาธิปไตย และปัญหาของประเทศในขณะนี้ ส่วนหนึ่งมาจากคนไม่เกรงกลัวกฎหมาย อ้างแต่ประชาธิปไตย รัฐบาลทำอะไรไม่ได้เลย คนรุ่นใหม่ไร้ขีดจำกัด สามารถล้างได้ทุกอย่าง นี่หรือคือคนยุคใหม่ อยากให้ทุกคนช่วยกันดูด้วย สุดท้าย ผมขอโทษ หากใช้คำที่ไม่เหมาะสม เพราะมีความเป็นมนุษย์ ทั้งนี้หากจะวิจารณ์ตัวผม สามารถทำได้ แต่การที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ขอให้ระมัดระวัง เพราะตำแหน่งนี้มีเกียรติ” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. แต่งตั้งนายพล 250 ตำแหน่ง

1 ก.ย. – เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. บัญชีแต่งตั้งนายพลตำรวจ 250 ตำแหน่ง “บิ๊กเต่า” แห้ว “นพศิลป์” ได้ขึ้น พล.ต.ท. เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (รองประธาน ก.ตร.) เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 8/2568 วาระแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ประจำปี 2568 โดยแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และโยกย้ายสับเปลี่ยน กว่า 250 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ก.ตร.ครบองค์ประชุม ขาดเพียงนายภูมิธรรม […]

“บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ.-ตลกดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทนอดีตพระอลงกต

กรุงเทพฯ 1 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ.-ตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ส่วน “สมปอง” ยังอยู่ในข่ายถูกดำเนินคดี แม้อ้างว่าเป็นการยืมเงินและคืนไปบางส่วนแล้ว ขณะที่วง “พิงค์แพนเตอร์” ประสานเข้าพบตำรวจเร็วๆ นี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนคดี “อลงกตการละคร” ระบุว่า คดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร และมีตัวละครที่สามารถดำเนินคดีได้หลายคน แต่ตำรวจต้องการพยานหลักฐานมาประกอบข้อมูลตรงนี้ให้ชัดเจนมากขึ้นก่อน ซึ่งตอนนี้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามทยอยเรียกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อย ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบขยายผลเส้นทางการเงินและทรัพย์สิน โดยเฉพาะประเด็นที่มีคนใกล้ชิด อักษรย่อ นางสาว ว. ถือครองโฉนดที่ดินมูลค่ารวม 140 ล้านบาทนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบบุคคลเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยในจำนวนนั้นยอมรับว่ามีอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ด้วย โดยทั้งคู่มีพฤติกรรมคล้ายๆ กัน คือ เข้าไปหาผลประโยชน์ และไม่ใช่เพียงผลประโยชน์จากเงินวัดก้อนเดียว แต่หาผลประโยชน์จากกลุ่มเครือข่ายด้วย ซึ่งมีมูลค่าเงินจำนวนมาก และทางอดีตพระอลงกต ก็มองว่าตนเองถูกรังแก ถูกโกงเงินไป ทั้งเรื่องคอนเสิร์ต เรื่องที่ดิน และถือครองทรัพย์สินแทน […]

พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ

พรรคกล้าธรรม 30 ส.ค.-พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์ โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ ชี้ปล่อยให้ประเทศเกิดสุญญากาศไม่ได้ เผยภูมิใจไทยรับข้อเสนอ แก้ กม.ต้องไม่กระทบสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อเวลา 15.55 น. พรรคกล้าธรรม (กธ.) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และจะต้องมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ต่อไปว่า คณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้ร่วมกันพิจารณารับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรคทุกท่าน เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินการของพรรค รวมถึงพิจารณาข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทย โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พรรคกล้าธรรม จะลงมติในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สนับสนุนให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เนื่องด้วยสถานการณ์ของประเทศไทยขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องมีฝ่ายบริหารมาขับเคลื่อนและแก้ปัญหาให้กับประชาชนในทุกด้าน ทั้ง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ปัญหาสังคมด้านต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน โดยไม่สามารถประวิงเวลาไปได้อีก พรรคกล้าธรรม ได้แสดงจุดยืนของพรรคให้กับพรรคภูมิใจไทยทราบ คือ 1.พรรคกล้าธรรม ยึดถือ […]

“เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล

พรรคประชาธิปัตย์ 31 ส.ค.- “เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล กร้าว ถ้าหนุนก็ไม่เหลือความเป็นคน บอก รัฐประหาร 100 ครั้ง ก็ไม่เลวร้ายเท่าฮั้ว สว. ยกอำนาจให้คนเดียวชี้ขาดประเทศ ย้ำคดีเขากระโดง ต้องเอาผิดให้เด็ดขาด บอก 2-3 เดือน ก็ยุบสภาได้ ไม่ต้องรอ 4 เดือน นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุภายหลังการเจรจากับพรรคประชาชน ที่พรรคร่วมรัฐบาลรับเงื่อนไขทั้งหมดของพรรคประชาชน ว่า จริงๆ เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชน ตนไปเป็นเพื่อนเขา ส่วนประเด็นเป็นเรื่องของทั้งสองพรรคต้องคุยกัน เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้รับเงื่อนไขทั้งหมดใช่หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ปฏิบัติตามเงื่อนไขของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ส่วนจะนำข้อหารือระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน เข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยอมรับว่า อาจอยู่ในวาระอื่นๆ เนื่องจากมีวาระสำคัญอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรคประชาชนและและข้อเสนอเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยืนยันว่า […]

ข่าวแนะนำ

พายุหนองฟ้ายังไม่สิ้นฤทธิ์ หลายพื้นที่ภาคเหนืออ่วม

1 ก.ย. – พายุ “หนองฟ้า” แม้อ่อนกำลังลงแล้ว แต่ยังไม่สิ้นฤทธิ์ ทำให้หลายพื้นที่ทางภาคเหนือมีฝนตกต่อเนื่องนับสัปดาห์ จนเกิดน้ำป่าหลากจากบนดอยสูงหลายจุด โดยเฉพาะภาพน้ำป่าหลากลงมาผ่านน้ำตกผาแก่งสร้อย ในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล กลายเป็นภาพที่สวยงามแต่น่ากลัว นอกจากนี้ยังมีน้ำทะลักท่วมภาคเหนือตอนล่าง ทั้งที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ และอีกหลายอำเภอของ จ.พิษณุโลก.-สำนักข่าวไทย

เปิดวงจรปิดล่า 4 คนร้ายลอบวางระเบิดตู้ ATM

1 ก.ย. – เปิดภาพวงจรปิดไล่ล่า 4 คนร้าย สวมชุดปิดบังอำพราง พร้อมอาวุธครบมือ ลอบวางระเบิดตู้ ATM ในพื้นที่ จ.ยะลา โดยพยายามปล้นเงินในตู้เซฟ แต่ไม่สามารถนำเงินออกมาได้ กล้องวงจรปิดในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง สาขาบ้านบุ อ.เมืองยะลา จับภาพเมื่อเวลาประมาณ 01.15 น. มี 4 คนร้ายใส่ชุดปิดบังอำพราง สวมหมวกปีกปิดหน้า ถืออาวุธปืน ลอบนำระเบิดแสวงเครื่องมาวางระเบิดตู้ ATM จากนั้นทั้ง 4 คน หลบไปซ่อนตัว ผ่านไปประมาณ 1 นาที เกิดระเบิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.16 น. โดยคนร้าย 2 คน พยายามงัดตู้เซฟเก็บเงิน ส่วนอีก 2 คน ถือปืนประกบ แต่ไม่สามารถงัดตู้เซฟออกมาได้ จึงหลบหนีไปในเวลา 01.18.10 น. หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมประสานชุดเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เข้าตรวจสอบเมื่อเช้าที่ผ่านมา […]

“ปชน.” ยังไม่เคาะโหวตนายกฯ ประชุมต่อพรุ่งนี้

พรรคประชาชน 1 ก.ย.- “ปชน.” ยังไม่เคาะโหวตเลือกใครเป็นนายกฯ พรุ่งนี้ประชุมต่อ “พริษฐ์” เผยสุดท้าย จบ กก.บห.เหตุต้องรับผิดชอบ ไม่ปล่อยโหวตในวง สส. ยันไม่ใช้อารมณ์มาตัดสิน แต่ไม่ลืมอดีตเพื่อไทยฉีก MOU – ภูมิใจไทย ซัด “พิธา” นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน เปิดเผยภายหลังประชุมกรรมการบริหารพรรค และ สส. นับ 90 คน นานเกือบ 4 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมมีความเห็นที่หนักหลายหลายคนแสดงความคิดเห็น และมีความหนักใจในการเลือกทางใดทางหนึ่ง ที่ประชุมจึงได้ข้อสรุปว่าเจ้าของประชุมในวันพรุ่งนี้ต่อ เพื่อให้สส. ที่มาในวันนี้และแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม รวมทั้ง สส.ที่ไม่ได้มาร่วมประชุมในวันนี้แสดงความคิดเห็นด้วย ก่อนจะนำความเห็นของสส.มาประกอบกับภาคส่วนอื่น ๆ ซึ่งในการพูดคุยมี 2 ประเด็นที่ชัดเจนคือ ยังยืนยันจุดยืนเดิมว่าสิ่งที่ตอบโจทย์ประเทศ คือ การเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว ซึ่งพรรคประชาชนได้ออกมาเรียกร้องเรื่องยุบสภามาโดยตลอด ตั้งแต่มีคลิปเสียงหลุดออกมา เพียงแต่ผู้มีอำนาจไม่ตอบสนอง วันนี้ยังยืนยันว่าการยุบสภาและการเลือกตั้งใหม่โดยรวมเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ประเทศ หากรักษาการนายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจยุบสภาจะยืนดำเนินการยุบสภาก็จะสอดคล้องกับจุดยืนของพรรค ซึ่งพรรคยินดีและพร้อมเลือกตั้ง แต่หากรักษาการนายกไม่ยุบสภาและมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งรวบรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง ก็ต้องใช้กระบวนการพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เพื่อนำไปสู่การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว […]

“วันนอร์” ยันสภาพร้อมโหวต “นายกฯ คนใหม่”

กทม.1 ก.ย.- “วันนอร์” ยันสัปดาห์นี้ สภาฯ พร้อมโหวต “นายกฯ คนใหม่” แต่ต้องให้ทุกฝ่ายมีความพร้อม ชี้ต้องมีรัฐบาลชุดใหม่โดยเร็ว เพื่อไม่ให้กระทบงบประมาณและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ ว่า สัปดาห์นี้ ได้ออกระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร 3 วัน คือวันที่ 3-5 กันยายน โดยวันพุธที่ 3 กันยายน จะเป็นการพิจารณากฎหมาย ส่วนวันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน จะเป็นการพิจารณากระทู้แต่ต้องยกเลิกไปเนื่องจาก คณะรัฐมนตรีทุกคนพ้นจากตำแหน่ง จึงไม่สามารถตอบกระทู้ถามได้ แต่ยังมีเรื่องเพื่อทราบ ที่จะต้องเชิญหน่วยงานมาชี้แจง ขณะที่ในวันศุกร์ที่ 5 กันยายน เป็นการพิจารณาวาระพิเศษ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ค้างอยู่หลายฉบับ ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เสนอเข้ามาและมีความจำเป็น ต้องเร่งประกาศใช้จะต้องเร่งพิจารณาโดยไม่มีวาระหารือ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่ง โดยกระบวนการจากนี้สภาผู้แทนราษฎรจะต้องมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี มี 2 […]