นายกฯ แถลงชี้แจงการจัดทำงบประมาณปี 62

รัฐสภา 7 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรีแถลงชี้แจงการจัดทำงบประมาณปี 62 ยืนยันใช้งบ 3 ล้านล้านบาท ตามกรอบวินัยการคลัง แจงใช้งบไม่ลำเอียง ได้ใกล้เคียงทุกภาค ขออย่ามองว่างบจำนวนมากแล้วจะทุจริตมาก ยืนยันมีกลไกลตรวจสอบ ขอหยุดบิดเบือน รับการปฎิรูปมีปัญหาติดขัดโครงสร้าง งบไม่พอและความขัดแย้ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 มิ.ย.) ที่อาคารรัฐสภา สมาชิกสภานิติบัญัติแห่งชาติ (สนช.) มีการประชุมวาระสำคัญคือการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 โดยมี พล.อ.ประยทุธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เป็นผู้แถลงชี้แจงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ก่อนแถลง นายกรัฐมนตรีได้ประกาศขอให้สมาชิก สนช.ที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาฟังคำแถลงด้วย 

จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลักการและเหตุผลสำคัญของการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2562 จำนวน 3 ล้านล้านบาท เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นมีงบประมาณรายจ่าย ในการจ่ายเงินแผ่นดิน พร้อมย้ำว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี ถือเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ที่สอดคล้องกับสภาวะการทางเศรษฐกิจและสังคม 


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.2-4.7 ขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี คาดว่าการปรับตัวดีขึ้นของการใช้จ่ายภายในประเทศ และการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 0.7-1.7 ขณะที่ปี 2562 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 3.9-4.9 โดยมีปัจจัยการสนับสนุนจากการใช้จ่ายภายในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการลงทุนในภาคเอกชน รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ที่เข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้าง เช่นเดียวกับการส่งออกสินค้า และการท่องเที่ยว ยังมีการขยายตัวตามแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจปี 2562 ยังมีแนวโน้มเกณฑ์ดี โดยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ อยู่ที่ร้อยละ 0.9-1.9  ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุลประมาณ ร้อยละ 6.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้รัฐบาลประมาณการจัดเก็บรายได้ปี 2562 สุทธิทั้งสิ้น 2,673,000 ล้านบาท และต้องจัดสรรให้กับท้องถิ่น 120,000 ล้านบาท ดังนั้นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 เป็นการดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุล โดยกำหนดรายได้สุทธิ จำนวน 2,550,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 450,000 ล้านบาท  ซึ่งรัฐบาลจะบริหารเงินคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ตลอดจนทำให้รายจ่ายและรายรับของรัฐมีความสมดุล และใช้เงินโดยรักษาวินัยการเงินการคลังให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด จึงขอให้เชื่อมั่นในการใช้งบประมาณของรัฐบาล

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า งบประมาณที่รัฐบาลจัดทำขึ้นมีเป้าหมายหลักเพื่อให้ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยังยืน ตามร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สอดคล้องการปฎิรูปประเทศ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 อาทิ การขับเคลื่อนประเทศ สู่ประเทศไทย 4.0 นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ และนโยบายรัฐบาล รวมถึงน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางในการจัดสรรงบประมาณ โดยจำแนกงบปรมาณ ออกเป็น 6 กลุ่มเพื่อให้เกิดความชัเดเจน และจัดสรรงบประมาณตามหลักความสำคัญ ประกอบด้วย 1.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบุคคลากรภาครัฐ 2.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายกระทรวง / หน่วยงาน หรือฟังส์ชั่น 3.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ จำนวน 21 เรื่อง  4.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบูรณาการเชิงพื้นที่ จำนวน 3 เรื่อง 5.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ และ 6.กลุ่มงบกลาง โดยพิจารณาการใช้จ่ายครอบคลุมทุกแหล่งเงิน ทั้งเงินงบประมาณ เงินนอกงบประมาณ และแหล่งเงินอื่น ๆ ทั้งยังยึดหลักการมีส่วนรวมของประชาชน ดำเนินการตามหลักเกณฑ์วินัยการเงินการคลังของรัฐ 


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณประจำปี วงเงิน 3 ล้านล้านบาท จำแนกเป็น รายจ่ายประจำ 2,261,488.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 75.4 รายจ่ายลงทุน จำนวน 660,305.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22 และรายจ่ายชำระหนี้เงินกู้ภาครัฐ จำนวน 78,205.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.6 นอกจากนี้ยังจำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ เป็นยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง วงเงิน 329,239.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 11 ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน วงเงิน 406,496 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 13.5 ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน วงเงิน 560,884.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.7 ด้านการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างการเติบโตจากภายใน วงเงิน 397,581.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.3 ด้านการจัดการน้ำและดูแลสิ่งแวดล้อม วงเงิน 117,266 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.9 ด้านบริหารจัดการภาครัฐ 838,422.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.9 และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ วงเงิน 350,109.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.7 

“สาระสำคัญของการดำเนินการภาครัฐ ภายใต้ร่างงบประมาณนี้ จึงมีประเด็นสำคัญประกอบด้วย การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ผลักดันผลผลิตภาคการเกษตร มุ่งยกระดับรายได้ปี 61/62 เป็น 61,000 บาท ต่อครัวเรือนต่อปี / ส่งเสริมอุตสาหกรรม สร้างโอกาสด้านการลงทุน เชื่อมโยงความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และภูมิภาคต่าง ๆ สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรม 4.0 รวมถึงการริเริ่มพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยงโครงข่ายขนส่ง ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ นอกจากนี้ให้ความสำคัญด้านการศึกษาด้วยการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการศึกษา ตั้งแต่ระดับประถมวัย จนตลอดชีวิต จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี พัฒนาคุณภาพจัดการศึกษาโรงเรียนประชารัฐ ไม่น้อยกว่า 4,500 แห่ง ส่งเสริมการเรียนอาชีวะศึกษา รวมถึงการให้บริการด้านสาธารณสุข ในระบบประกันสุขภาพที่ทั่วถึงและเท่าเทียม พร้อมกันนี้ ขับเคลื่อนประเด็นการปฎิรูปพลังงาน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ขณะที่งบลงทุน ที่ลงไปสู่ภูมิภาค จำนวน 411,552.3 ล้านบาท ถูกจัดสรรลงไปสู่ 6 ภูมิภาค ที่สอดคล้องกับจำนวนประชากร และนโยบายสำคัญของรัฐอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม สู่เป้าหมายประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การจัดทำงบประมาณ แสดงให้เห็นถึงเจตนาของรัฐบาลที่มีความมุ่งมั่นขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ปฎิรูปประเทศ แก้ไขปัญหาเร่งด่วน ให้เป็นรูปธรรม เกิดความยั่งยืน บนพื้นฐานความพอเพียงในระยะยาว เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่สำคัญ คือ การบูรณาการเชิงพื้นที่ และคำนึงถึงความต้องการของประชาชนเป็นหลัก

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในอนาคตอยากให้มีนายกรัฐมนตรีที่ซื่อสัตย์และมีคุณธรรม ดูแลประชาชนทั่วประเทศอย่างเท่าเท่าเทียม ไม่เลือกพรรคพวก หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทั้งนี้ส่วนตัวได้กำชับทุกกระทรวงไปดำเนินการจัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสม เชื่อมโยงทุกภาคส่วน ซึ่งรัฐบาลนี้จัดสรรงบประมาณแต่ละภาคอย่างใกล้เคียงกัน ซึ่งการดำเนินการทุกอย่าง จะไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพื่ออนาคตของเด็กและเยาวชนของประเทศที่กำลังเติบโต ยึดหลัก มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และยังอยากเห็นก่อนการเลือกตั้งจะต้องลดความขัดแย้ง การหาเสียงจะต้องไม่ใส่ร้ายป้ายสีกัน แต่เป็นการหาเสียง นโยบายที่จะทำเพื่อประชาชน สำหรับการปฎิรูปประเทศ ที่ทุกภาคส่วนมีความสำคัญในการช่วยกันขับเคลื่อน แม้จะเกิดปัญหาในด้านงบประมาณ และการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างบ้าง แต่ก็ต้องดำเนินการ และใช้เวลาในการขับเคลื่อน ซึ่งตนยังอยากให้ทุกคนเลือกรับข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่สร้างการบิดเบือนข้อมูล และหันมาสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี มีหลักคิด เพื่อลดความขัดแย้ง ก่อนที่การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามโรดแมปที่วางไว้

“ขออย่ามองว่าการตั้งงบประมาณในปีนี้ 3 ล้านล้านบาทที่สูงกว่าปีที่แล้ว 2.5 ล้านล้านบาท งบเยอะขึ้นจะมีการทุจริตมากขึ้น เพราะถ้าคิดแบบนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ อยากให้ดูว่างบที่สูงขึ้น เพราะต้องแก้ไขปัญหาในอดีต เป็นงบพัฒนาและการลงทุนเพื่ออนาคต ซึ่งการจัดทำงบ ไม่ได้ง่ายเลยที่จะทำให้มีประสิทธิภาพ ถูกต้องและไม่มีการทุจริต รัฐบาลมีกลไกในการตรวจสอบ เมื่อมีข้อทักท้วงมาจาก สตช.และ ป.ป.ช. เราก็ตรวจสอบ หากไม่ผิดกฎหมาย ก็สามารถทำได้ ดังนั้นจึงไม่อยากให้มีคนนำไปบิดเบือน ส่วนการจัดสรรงบ เราได้กระจายให้ทุกภาคได้เงินใกล้เคียงกัน เพราะนี่คือรัฐบาลของคนทั้งประเทศ ไม่ได้เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือพวกของตัวเอง ซึ่งผมก็หวังว่ารัฐบาลหน้าที่ท่านเลือกมา จะทำแบบนี้ด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า สำหรับการปฏิรูป ยอมรับว่ายังมีปัญหา เพราะติดขัดเรื่องโครงสร้าง งบประมาณไม่เพียงพอ และความขัดแย้งที่ยังคงมีอยู่ มีการกล่าวร้ายใส่กันไปมา ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะต้องแก้ไขให้ได้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งที่ยังคงเป็นไปตามโรดแมปเดิมที่วางไว้ 

“ผมขอชื่นชมโครงการ สนช.พบประชาชนว่าเป็นโครงการที่ดี รัฐบาลก็จะส่งคนไปร่วมด้วย เพราะนี่ถือเป็นการทำงานของแม่น้ำ 5 สายที่บูรณาการกัน โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญที่แม่น้ำ 5 สายต้องทำงานอย่างหนักในการนำพาประเทศก้าวไปสู่ประชาธิปไตย และปัญหาของประเทศในขณะนี้ ส่วนหนึ่งมาจากคนไม่เกรงกลัวกฎหมาย อ้างแต่ประชาธิปไตย รัฐบาลทำอะไรไม่ได้เลย คนรุ่นใหม่ไร้ขีดจำกัด สามารถล้างได้ทุกอย่าง นี่หรือคือคนยุคใหม่ อยากให้ทุกคนช่วยกันดูด้วย สุดท้าย ผมขอโทษ หากใช้คำที่ไม่เหมาะสม เพราะมีความเป็นมนุษย์ ทั้งนี้หากจะวิจารณ์ตัวผม สามารถทำได้ แต่การที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ขอให้ระมัดระวัง เพราะตำแหน่งนี้มีเกียรติ” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย