นายกฯ แถลงชี้แจงการจัดทำงบประมาณปี 62

รัฐสภา 7 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรีแถลงชี้แจงการจัดทำงบประมาณปี 62 ยืนยันใช้งบ 3 ล้านล้านบาท ตามกรอบวินัยการคลัง แจงใช้งบไม่ลำเอียง ได้ใกล้เคียงทุกภาค ขออย่ามองว่างบจำนวนมากแล้วจะทุจริตมาก ยืนยันมีกลไกลตรวจสอบ ขอหยุดบิดเบือน รับการปฎิรูปมีปัญหาติดขัดโครงสร้าง งบไม่พอและความขัดแย้ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 มิ.ย.) ที่อาคารรัฐสภา สมาชิกสภานิติบัญัติแห่งชาติ (สนช.) มีการประชุมวาระสำคัญคือการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 โดยมี พล.อ.ประยทุธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เป็นผู้แถลงชี้แจงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ก่อนแถลง นายกรัฐมนตรีได้ประกาศขอให้สมาชิก สนช.ที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาฟังคำแถลงด้วย 

จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลักการและเหตุผลสำคัญของการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2562 จำนวน 3 ล้านล้านบาท เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นมีงบประมาณรายจ่าย ในการจ่ายเงินแผ่นดิน พร้อมย้ำว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี ถือเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ที่สอดคล้องกับสภาวะการทางเศรษฐกิจและสังคม 


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.2-4.7 ขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี คาดว่าการปรับตัวดีขึ้นของการใช้จ่ายภายในประเทศ และการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 0.7-1.7 ขณะที่ปี 2562 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 3.9-4.9 โดยมีปัจจัยการสนับสนุนจากการใช้จ่ายภายในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการลงทุนในภาคเอกชน รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ที่เข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้าง เช่นเดียวกับการส่งออกสินค้า และการท่องเที่ยว ยังมีการขยายตัวตามแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจปี 2562 ยังมีแนวโน้มเกณฑ์ดี โดยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ อยู่ที่ร้อยละ 0.9-1.9  ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุลประมาณ ร้อยละ 6.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้รัฐบาลประมาณการจัดเก็บรายได้ปี 2562 สุทธิทั้งสิ้น 2,673,000 ล้านบาท และต้องจัดสรรให้กับท้องถิ่น 120,000 ล้านบาท ดังนั้นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 เป็นการดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุล โดยกำหนดรายได้สุทธิ จำนวน 2,550,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 450,000 ล้านบาท  ซึ่งรัฐบาลจะบริหารเงินคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ตลอดจนทำให้รายจ่ายและรายรับของรัฐมีความสมดุล และใช้เงินโดยรักษาวินัยการเงินการคลังให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด จึงขอให้เชื่อมั่นในการใช้งบประมาณของรัฐบาล

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า งบประมาณที่รัฐบาลจัดทำขึ้นมีเป้าหมายหลักเพื่อให้ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยังยืน ตามร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สอดคล้องการปฎิรูปประเทศ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 อาทิ การขับเคลื่อนประเทศ สู่ประเทศไทย 4.0 นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ และนโยบายรัฐบาล รวมถึงน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางในการจัดสรรงบประมาณ โดยจำแนกงบปรมาณ ออกเป็น 6 กลุ่มเพื่อให้เกิดความชัเดเจน และจัดสรรงบประมาณตามหลักความสำคัญ ประกอบด้วย 1.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบุคคลากรภาครัฐ 2.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายกระทรวง / หน่วยงาน หรือฟังส์ชั่น 3.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ จำนวน 21 เรื่อง  4.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบูรณาการเชิงพื้นที่ จำนวน 3 เรื่อง 5.กลุ่มงบประมาณรายจ่ายบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ และ 6.กลุ่มงบกลาง โดยพิจารณาการใช้จ่ายครอบคลุมทุกแหล่งเงิน ทั้งเงินงบประมาณ เงินนอกงบประมาณ และแหล่งเงินอื่น ๆ ทั้งยังยึดหลักการมีส่วนรวมของประชาชน ดำเนินการตามหลักเกณฑ์วินัยการเงินการคลังของรัฐ 


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณประจำปี วงเงิน 3 ล้านล้านบาท จำแนกเป็น รายจ่ายประจำ 2,261,488.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 75.4 รายจ่ายลงทุน จำนวน 660,305.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22 และรายจ่ายชำระหนี้เงินกู้ภาครัฐ จำนวน 78,205.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.6 นอกจากนี้ยังจำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ เป็นยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง วงเงิน 329,239.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 11 ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน วงเงิน 406,496 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 13.5 ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน วงเงิน 560,884.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.7 ด้านการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างการเติบโตจากภายใน วงเงิน 397,581.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.3 ด้านการจัดการน้ำและดูแลสิ่งแวดล้อม วงเงิน 117,266 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.9 ด้านบริหารจัดการภาครัฐ 838,422.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.9 และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ วงเงิน 350,109.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.7 

“สาระสำคัญของการดำเนินการภาครัฐ ภายใต้ร่างงบประมาณนี้ จึงมีประเด็นสำคัญประกอบด้วย การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ผลักดันผลผลิตภาคการเกษตร มุ่งยกระดับรายได้ปี 61/62 เป็น 61,000 บาท ต่อครัวเรือนต่อปี / ส่งเสริมอุตสาหกรรม สร้างโอกาสด้านการลงทุน เชื่อมโยงความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และภูมิภาคต่าง ๆ สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรม 4.0 รวมถึงการริเริ่มพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยงโครงข่ายขนส่ง ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ นอกจากนี้ให้ความสำคัญด้านการศึกษาด้วยการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการศึกษา ตั้งแต่ระดับประถมวัย จนตลอดชีวิต จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี พัฒนาคุณภาพจัดการศึกษาโรงเรียนประชารัฐ ไม่น้อยกว่า 4,500 แห่ง ส่งเสริมการเรียนอาชีวะศึกษา รวมถึงการให้บริการด้านสาธารณสุข ในระบบประกันสุขภาพที่ทั่วถึงและเท่าเทียม พร้อมกันนี้ ขับเคลื่อนประเด็นการปฎิรูปพลังงาน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ขณะที่งบลงทุน ที่ลงไปสู่ภูมิภาค จำนวน 411,552.3 ล้านบาท ถูกจัดสรรลงไปสู่ 6 ภูมิภาค ที่สอดคล้องกับจำนวนประชากร และนโยบายสำคัญของรัฐอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม สู่เป้าหมายประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การจัดทำงบประมาณ แสดงให้เห็นถึงเจตนาของรัฐบาลที่มีความมุ่งมั่นขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ปฎิรูปประเทศ แก้ไขปัญหาเร่งด่วน ให้เป็นรูปธรรม เกิดความยั่งยืน บนพื้นฐานความพอเพียงในระยะยาว เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่สำคัญ คือ การบูรณาการเชิงพื้นที่ และคำนึงถึงความต้องการของประชาชนเป็นหลัก

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในอนาคตอยากให้มีนายกรัฐมนตรีที่ซื่อสัตย์และมีคุณธรรม ดูแลประชาชนทั่วประเทศอย่างเท่าเท่าเทียม ไม่เลือกพรรคพวก หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทั้งนี้ส่วนตัวได้กำชับทุกกระทรวงไปดำเนินการจัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสม เชื่อมโยงทุกภาคส่วน ซึ่งรัฐบาลนี้จัดสรรงบประมาณแต่ละภาคอย่างใกล้เคียงกัน ซึ่งการดำเนินการทุกอย่าง จะไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพื่ออนาคตของเด็กและเยาวชนของประเทศที่กำลังเติบโต ยึดหลัก มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และยังอยากเห็นก่อนการเลือกตั้งจะต้องลดความขัดแย้ง การหาเสียงจะต้องไม่ใส่ร้ายป้ายสีกัน แต่เป็นการหาเสียง นโยบายที่จะทำเพื่อประชาชน สำหรับการปฎิรูปประเทศ ที่ทุกภาคส่วนมีความสำคัญในการช่วยกันขับเคลื่อน แม้จะเกิดปัญหาในด้านงบประมาณ และการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างบ้าง แต่ก็ต้องดำเนินการ และใช้เวลาในการขับเคลื่อน ซึ่งตนยังอยากให้ทุกคนเลือกรับข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่สร้างการบิดเบือนข้อมูล และหันมาสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี มีหลักคิด เพื่อลดความขัดแย้ง ก่อนที่การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามโรดแมปที่วางไว้

“ขออย่ามองว่าการตั้งงบประมาณในปีนี้ 3 ล้านล้านบาทที่สูงกว่าปีที่แล้ว 2.5 ล้านล้านบาท งบเยอะขึ้นจะมีการทุจริตมากขึ้น เพราะถ้าคิดแบบนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ อยากให้ดูว่างบที่สูงขึ้น เพราะต้องแก้ไขปัญหาในอดีต เป็นงบพัฒนาและการลงทุนเพื่ออนาคต ซึ่งการจัดทำงบ ไม่ได้ง่ายเลยที่จะทำให้มีประสิทธิภาพ ถูกต้องและไม่มีการทุจริต รัฐบาลมีกลไกในการตรวจสอบ เมื่อมีข้อทักท้วงมาจาก สตช.และ ป.ป.ช. เราก็ตรวจสอบ หากไม่ผิดกฎหมาย ก็สามารถทำได้ ดังนั้นจึงไม่อยากให้มีคนนำไปบิดเบือน ส่วนการจัดสรรงบ เราได้กระจายให้ทุกภาคได้เงินใกล้เคียงกัน เพราะนี่คือรัฐบาลของคนทั้งประเทศ ไม่ได้เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือพวกของตัวเอง ซึ่งผมก็หวังว่ารัฐบาลหน้าที่ท่านเลือกมา จะทำแบบนี้ด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า สำหรับการปฏิรูป ยอมรับว่ายังมีปัญหา เพราะติดขัดเรื่องโครงสร้าง งบประมาณไม่เพียงพอ และความขัดแย้งที่ยังคงมีอยู่ มีการกล่าวร้ายใส่กันไปมา ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะต้องแก้ไขให้ได้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งที่ยังคงเป็นไปตามโรดแมปเดิมที่วางไว้ 

“ผมขอชื่นชมโครงการ สนช.พบประชาชนว่าเป็นโครงการที่ดี รัฐบาลก็จะส่งคนไปร่วมด้วย เพราะนี่ถือเป็นการทำงานของแม่น้ำ 5 สายที่บูรณาการกัน โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญที่แม่น้ำ 5 สายต้องทำงานอย่างหนักในการนำพาประเทศก้าวไปสู่ประชาธิปไตย และปัญหาของประเทศในขณะนี้ ส่วนหนึ่งมาจากคนไม่เกรงกลัวกฎหมาย อ้างแต่ประชาธิปไตย รัฐบาลทำอะไรไม่ได้เลย คนรุ่นใหม่ไร้ขีดจำกัด สามารถล้างได้ทุกอย่าง นี่หรือคือคนยุคใหม่ อยากให้ทุกคนช่วยกันดูด้วย สุดท้าย ผมขอโทษ หากใช้คำที่ไม่เหมาะสม เพราะมีความเป็นมนุษย์ ทั้งนี้หากจะวิจารณ์ตัวผม สามารถทำได้ แต่การที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ขอให้ระมัดระวัง เพราะตำแหน่งนี้มีเกียรติ” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมตัวเมืองน่าน-เขตเศรษฐกิจขยายวงกว้าง

น่าน 23 ก.ค. – ตอนนี้น้ำท่วมตัวเมืองน่าน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ยังเพิ่มสูงขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลังระดับน้ำท่วมสูงเกิน 9 เมตร และทะลักเข้าท่วม .-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

ตอบโต้เขมร! ปิด 4 ด่าน หลังทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดอีก 1 ราย

23 ก.ค.- ศบ.ทก. เห็นชอบให้ทัพภาค 2 ปิดด่านชายแดน-สถานที่ท่องเที่ยว 4 จังหวัดอีสานใต้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ (24 ก.ค.) หลังล่าสุดทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดอีกราย จากกระแสข่าวมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดบริเวณแนวชายแดนไทยกัมพูชาเมื่อเวลา 16.55 น. นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวจากศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงโดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ปรึกษามาที่ ศบ.ทก. เพื่อขออนุญาตปิดด่านในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีษะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการประท้วงกัมพูชา จากการลักลอบวางทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่ง ศบ.ทก. เห็นชอบ ขณะเดียวกันจะส่งหนังสือประท้วงโดยใช้กลไก RBC และรายงานกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประท้วงต่อไป ดังนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) จะปิดด่านชายแดนทั้งหมดในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทย หลังจากที่ฝั่งไทยมีการกำหนดเวลาเปิด-ปิด และในส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง 3 ปราสาท คือ ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย […]

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย