ปฏิญญากรุงเทพมหานคร ในโอกาสครบรอบ 15 ปีวันวิสาขบูชานานาชาติ

มจร. 27 พ.ค..- ปฏิญญากรุงเทพมหานคร เนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปีวันวิสาขบูชานานาชาติ แห่งองค์การสหประชาชาติวันที่ 25-27 พฤษภาคม 2018 (2561)


สืบเนื่องจากในวันที่ 15 ธันวาคม 1999 (2542) ผู้แทนจาก 34 ประเทศ เสนอสมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาขาติ ให้วันพระจันทร์เต็มดวงของเดือนพฤษภาคม เป็นวันวิสาขบูชานานาชาติ แห่งองค์การสหประชาชาติ สำนักงานใหญ่ และสำนักงานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก  

ดังนั้น วันวิสาขบูชานานาชาติ แห่งองค์การสหประชาชาติจึงถือกำเนิดขึ้นในปี 2000 (2543) เป็นต้นมา มีผู้เข้าร่วมจาก 85 ประเทศทั่วโลก มาประชุมร่วมกันในวันที่ 25-27 พ.ค. 2018 การฉลองวันวิสาขบูชานานาชาติฯ จัดขึ้นโดย  มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลไทย และคณะสงฆ์ไทย โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นประธานในพิธี และมี พล.อ.บัณฑิตย์ มลายอริศูนย์ ผู้แทนพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นผู้เปิดงาน  


โดยมี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เซอริ่ง ต๊อบเกย์ แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เป็นผู้กล่าวปาฐกถา ในหัวข้อ คุณูปการพระพุทธศาสนาต่อการพัฒนามนุษย์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันและการร่วมมือกันระหว่างองค์กรและพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ในช่วงสรุปของการเฉลิมฉลองและการประชุมอย่างประสบความสำเร็จ ได้มีข้อตกลงร่วมกัน ดังนี้

1. เพื่อยืนยันว่า มุมมองของในโลกของพระพุทธศาสนามีความสอดคล้องกับพันธกิจที่จะทำงานอย่างอุตสาหะ เพื่อที่จะให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาขององค์การสหประชาชาติในปี ค.ศ. 2023 (2573) เราได้อุทิศร่วมกันเพื่อให้บรรลุข้อตกลงดังกล่าว

2. เพื่อที่จะแสดงการขอบคุณต่อการจัดงานวันวิสาขบูชานานาชาติฯ ครั้งที่ 14 ที่ประสบความความสำเร็จ ณ กรุงโคลัมโบ และเมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา ในปี ค.ศ. 2017 (2560)


3. เพื่อชื่นชมการตีพิมพ์พระไตรปิฎกสากล ฉบับภาษาอังกฤษ พิมพ์ครั้งที่ 2 และฉบับแปลภาษาไทย พิมพ์ครั้งที่ 1 ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

4. เพื่อแสดงยินดีต่อข้อตกลงที่เป็นทางการที่ทำร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในนามแปลพระไตรปิฎกฉบับสากลฯ ให้เป็นภาษาจีน ฮังการี อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น โปรตุเกส สเปน และเวียดนาม ที่ได้รับมอบหมายในระหว่างการเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชานานาชาติ

5. เพื่อที่จะได้ทราบถึงความก้าวหน้าในการเผยแพร่บัญชีรายชื่อของพระไตรปิฎกที่จะใช้แทนพระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลีออนไลน์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยเพิ่มวัตถุประสงค์ของพระไตรปิฎกฉบับอื่นๆ ให้ครอบคลุมมากขึ้น

6. เพื่อที่จะแสดงความชื่นชมอย่างยิ่งต่อปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แห่งประเทศไทย ซึ่งมีพื้นฐานมาจากมรรค 8 มีองค์ประกอบ 8 ส่วนคือ พอเพียง มีเหตุมีผล ภูมิคุ้มกัน  

7. เพื่อที่จะแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง ต่อแนวคิดของความสุขประชาชาติมวลรวม ที่ทราบกันเป็นอย่างดี ของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน โดยวัดจากความเป็นอยู่ที่ดีทางด้านจิตใจ ความผาสุกของชุมชน ความหลากหลายทางนิเวศวิทยาและวัฒนธรรม ภูมิคุ้มกัน สุขภาพ การศึกษา หลักธรรมภิบาล และคุณภาพชีวิตที่ดี 

8. เพื่อส่งเสริมการพัฒนามนุษย์บนพื้นฐานของข้อมูลเชิงลึกและนำเสนอโดยผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกที่ถูกจัดเป็น 4 หัวข้อตามที่อธิบายไว้ด้านล่าง:  

สำหรับหัวข้อ ความจำเป็นในการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจกับการพัฒนาด้านจิตวิทยาและจิตวิญญาณ ซึ่งไม่สามารถลดได้เพื่อให้ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในการพึ่งพาทางร่างกายได้ ดังนั้น วิธีปกติในสังคมที่พัฒนาทางเศรษฐกิจ และพัฒนามนุษย์เพียงอย่างเดียว ในแง่ของการปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพการดูแลสุขภาพและการศึกษาซึ่งไม่เพียงพอ แต่ต้องมีปัจจัยหลายอย่างที่จำเป็น เพื่อให้มีการสนับสนุน มิติทางนิเวศวิทยา สังคม และวัฒนธรรม ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องส่งเสริมให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ ความยืดหยุ่นและพัฒนาชุมชน และการเชื่อมต่อที่เห็นอกเห็นใจกับผู้อื่น นอกจากนี้ ยังเป็นสิ่งสำคัญในการเชื่อมความสัมพันธ์รุ่นสู่รุ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้เยาวชนมีโอกาสในการหาวิธีการนำธรรมะในการดำรงชีวิตอย่างสร้างสรรค์ในการมีชีวิตอยู่ในธรรม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง: 

8.1 หัวข้อที่ 1. คุณูปการพระพุทธศาสนาต่อการพัฒนามนุษย์

เพื่อส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างกันของการพัฒนาภายในและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมภายนอก เพื่อกระตุ้นให้ผู้นำทางศาสนาและชุมชนของตนให้มีพันธสัญญาต่อกันความมุ่งมั่นในการใช้ทรัพยากรอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อสร้างชุมชนให้มีความกรุณาต่อกันที่มีเมตตาร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาเพื่อตัดวงจรของความไม่เท่าเทียมกันในสังคมและความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งผู้มีสิทธิพิเศษและผู้ด้อยโอกาสใช้หลักพุทธศาสนาและการปฏิบัติทางจิตใจเพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและจิตวิญญาณอย่างสร้างสรรค์ เช่น พุทธศาสตร์สงเคราะห์

8.2 Panel 2. การเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชนผ่านการศึกษาทางพุทธศาสนา

ใช้คำสอนทางพุทธศาสนา เช่นการดำรงชีวิตอย่างมีน้ำใจ ความเอื้ออาทร ความรู้ของมนุษย์และโลกมีความไว้วางใจในความดีงามและภูมิปัญญาของมนุษย์ในการแก้ปัญหาความท้าทายที่เยาวชนเผชิญ เพื่อยืนยันว่าการศึกษาทางพุทธศาสนาที่ดีที่สุดคือ การมีชีวิตอยู่ในธรรม เราสามารถช่วยให้เยาวชนสร้างแรงบันดาลใจและสนับสนุนพวกเขาได้ดีที่สุดเพื่อหาแนวทางที่สร้างสรรค์ในการบูรณาการธรรมในชีวิตของตนเองเพื่อส่งเสริมให้สติในเด็กและเยาวชน ยุวพุทธ ให้เป็นจุดเริ่มต้นที่มีประโยชน์สำหรับสังคมที่สงบสุข

8.3 Panel 3. พุทธศาสนาเพื่อสวัสดิการสังคม

เพื่อปรับหลักการของพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องกับสังคมให้เข้ากับปัญหาทางสังคมในปัจจุบันและในบริบททางโลก เช่น การให้คำปรึกษาและจิตบำบัดการรักษายาเสพติดและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เพื่อเปลี่ยนความรุนแรงให้กลายเป็นความไม่รุนแรง ความโลภ กลายเป็นความพึงพอใจ  ความสับสนไปสู่ความเข้าใจ

8.4 Panel 4. รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมในโลกที่เชื่อมต่อกัน

เพื่อส่งเสริมการเคารพซึ่งกันและกันระหว่างตัวตนทางวัฒนธรรม เราจะส่งเสริมวัฒนธรรมของความรู้ความเข้าใจซึ่งกันและกัน และการเข้าใจซึ่งขึ้นอยู่กับคุณค่าสากลและความเข้าใจในกฎหมายของการพึ่งพาซึ่งกันและกัน ในเรื่องอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม เพื่อปลูกฝังความเข้าใจเกี่ยวกับการปฎิรูปของบุคคลและการเปลี่ยนแปลงตัวตนส่วนบุคคล และส่วนรวมที่ส่งเสริมความสามัคคีภายในด้วยความหลากหลายทางอัตลักษณ์

เป็นปฏิญญากรุงเทพในการฉลองครบรอบครั้งที่ 15 วันวิสาขบูชาแห่งสหประชาชาติวันอังคารที่  29 พ.ค. 2018.- สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

น้ำปิงล้นตลิ่ง

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน เตรียมรับมือน้ำ หลังน้ำปิงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เชียงใหม่ 27 ก.ย. – ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย หลังระดับน้ำปิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดสูงถึง 4.15 เมตร ในคืนนี้ ประเมินเบื้องต้นยังสามารถบริหารจัดการได้ และสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ค่ำวันนี้ (27 ก.ย. 68) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 (SWOC1) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำปิงหลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของจังหวัด ส่งผลให้ให้มวลน้ำจำนวนมากจะไหลลงมาผ่านตัวเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเวลา 22.00-24.00 น. คืนนี้ ชลประทานเชียงใหม่คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 3.9 เมตร เป็น 4.0-4.15 เมตร และจะส่งผลให้น้ำปริ่มและเอ่อล้นตลิ่งเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการสถานการณ์ได้ เนื่องจากมีการเสริมคันกันน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้สูงถึง 4.2 เมตร สำหรับสถานการณ์ฝนในพื้นที่อำเภอต่างๆ โดยเฉพาะที่อำเภอแม่แตง ทางอำเภอได้รายงานว่าตลอดทั้งวันยังมีฝนตกในพื้นที่ […]

การรถไฟฯ แจ้งน้ำท่วมทำ “ทางรถไฟขาด” สั่งปรับแผนเดินรถ

27 ก.ย. – การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศแจ้งเหตุน้ำท่วมหนัก “ทางรถไฟขาด” ที่บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา สั่งปรับแผนเดินรถ ขณะนี้ได้สั่งการและดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ พร้อมปรับแผนการเดินรถเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ดังนี้ 1.ขบวนรถด่วนที่ 75/76 กรุงเทพอภิวัฒน์ – หนองคาย – กรุงเทพอภิวัฒน์2.ขบวนรถสินค้าที่ 553 มาบตาพุด – บัวใหญ่3.ขบวนรถสินค้าที่ 532 สำราญ – บางละมุงให้เปลี่ยนการเดินขบวนรถในเส้นทางชุมทางแก่งคอย – นครราชสีมา – ชุมทางบัวใหญ่ – หนองคาย 4.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 439 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ เดินถึงสถานีบ้านเหลื่อม5.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 434 ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอยรอสถานการณ์น้ำที่สถานีชุมทางบัวใหญ่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่สามารถประมาณการเวลาในการเปิดทางได้ เนื่องจากระดับน้ำยังคงท่วมสูงและยังไม่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบ เมื่อมีความคืบหน้าในการเปิดเส้นทางเดินรถ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้.-513-สำนักข่าวไทย

กองทัพภาคที่ 2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อุบลราชธานี 27 ก.ย.-กองทัพภาคที่2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำรู้ทันแผนโฆษณาชวนเชื่อต่อนานาชาติ เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 27 ก.ย. 68 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 27 ก.ย. ณ เวลา 14.00 น. ว่าสถานการณ์โดยรวมเมื่อเวลา 12.02 น. ฝ่ายกัมพูชาได้พยายามสร้างสถานการณ์ความตึงเครียด ขึ้นอีกครั้งบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามายังพื้นที่ ของฝ่ายไทยจากบริเวณเนิน 677 มายังเนิน 600 และ เนิน 527 พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนเล็กยิงปะทะเป็นระยะ ก่อนที่สถานการณ์จะยุติลง ทั้งนี้ การปะทะจำกัดวงอยู่เฉพาะบริเวณดังกล่าว แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังควบคุมพื้นที่อย่างใกล้ชิด ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ฝ่ายไทยได้รับแจ้งจากกัมพูชา ว่า คณะสังเกตการณ์ระหว่างประเทศ (IOT) ของกัมพูชา จะเดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานม้า กองทัพภาคที่ 2 ประเมินว่าเป็นความพยายามของกัมพูชา ในการสร้างเงื่อนไขและยั่วยุให้เกิดสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่คณะ IOT […]

นายกฯ ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมอยุธยาฯ

พระนครศรีอยุธยา 27 ก.ย.-นายกฯ ลงพื้นที่พระนครศรีอยุธยา ตรวจน้ำท่วม เร่งเยียวยาแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เดินหน้าบูรณาการหน่วยงานใช้งบแสนล้านบาท พัฒนาระบบชลประทานและการจัดการน้ำ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.ของพรรค ให้การต้อนรับ และในโอกาสนี้ นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พรรคประชาชน เขต1 ที่มาร่วมงานด้วย ทันทีที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาถึงบริเวณวัดโคกหิรัญ มีประชาชนมารอให้การต้อนรับ มอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ พร้อมร้องเพลง มาร์ช อสม.ต้อนรับนายกรัฐมนตรี พร้อมกับถ่ายรูปเซลฟี่ อย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะรับฟังการรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่จากผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดยืนยันว่า พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ไม่ใช่พื้นที่ทุ่งรับน้ำ พื้นที่มีโฉนดที่ดินทั้งหมด ไม่ใช่ที่สาธารณะ หรือแก้มลิง พร้อมขอให้มีการพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาเพื่อบรรเทาปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เนื่องจากไม่ได้รับความสะดวกในการประกอบอาชีพ นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น มาในสถานะนายกรัฐมนตรี ถือว่าสามารถที่จะมาตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกๆ มิติ รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ทำงานร่วมกันเป็นทีมเดียวกัน กับพรรคร่วมรัฐบาล เป้าหมายคือประโยชน์สูงสุดของประชาชน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ทราบดีอยู่แล้วว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแห่งนี้ มีน้ำท่วมทุกปี น้ำท่วมซ้ำซาก […]