กรุงเทพฯ 27 ก.ย. – นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า เตรียมเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพิ่มปริมาณการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจากวันละ 1,790 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 2,000 ลูกบาศก์เมตร เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยารายงานลักษณะอากาศว่าตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม ร่องมรสุมจะขยับลงมายังภาคกลาง ทำให้เกิดฝนตกชุก ซึ่งคาดว่าจะเป็นระลอกสุดท้ายของฤดูฝนนี้ กรมชลประทานจึงเห็นสมควรให้ระยะที่ยังปลอดฝนเร่งระบายน้ำออกทะเล เพื่อให้ลำน้ำรองรับฝนใหม่ได้ ซึ่งการเพิ่มการระบายน้ำเป็น 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ไม่ถือว่าเป็นสถานการณ์วิกฤติ เพราะปกติช่วงนี้ของปีกรมชลประทานระบายตั้งแต่ 2,000-2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา ปริมาณฝนต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยจึงระบายน้อยกว่าค่าปกติ
สำหรับการเพิ่มระบายน้ำเป็นวันละ 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อาจทำให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งเพิ่มในพื้นที่อำเภอเมือง อินทร์บุรี และพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ส่วนพื้นที่น้ำล้นตลิ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะมีระดับสูงขึ้น แต่กรมชลประทานจะเร่งผลักดันน้ำออกทะเลให้เร็วที่สุด
ขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ขณะนี้มีปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ร้อยละ 76 ช่วงฝนตกชุกสัปดาห์ที่ผ่านมามีปริมาณน้ำไหลเข้าเฉลี่ยวันละ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ระบายออกวันละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร ในสัปดาห์นี้จะมีฝนตกทางภาคเหนือมีน้ำเหนือไหลลงอ่างเพิ่มอีก หากไม่ระบายออกคาดว่าอีก 10 วันน้ำจะเต็มอ่าง และจะเกิดปัญหาน้ำล้นหากฝนตกชุกในพื้นที่ภาคกลางตามพยากรณ์อากาศ จึงต้องเพิ่มปริมาณการระบายน้ำเพื่อพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำให้สามารถรับน้ำจากฝนระลอกใหม่.-สำนักข่าวไทย