ก.สาธารณสุข 23 พ.ค. -กระทรวงสาธารณสุขหารือกระทรวงการคลัง หาความชัดเจน ภายหลังเกิดความไม่เข้าใจเรื่องระเบียบกระทรวงการคลังใช้เงินนอกงบประมาณจ้างพนักงานหรือลูกจ้าง ยืนยันลูกจ้างกระทรวงสาธารณสุขยังใช้ระเบียบเงินบำรุงเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับนายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ รองเลขาธิการ ก.พ. ถึงกรณีกระทรวงการคลังออกระเบียบ กระทรวงการคลัง เรื่องการจ้างพนักงาน หรือ ลูกจ้าง โดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ 2561 ลงนามเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากกระทรวงสาธารณสุขเตรียมทำเรื่องขอให้ชะลอใช้ระเบียบดังกล่าวว่า น่าจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากการตีความกฎหมายโดยชี้แจงว่าปัจจุบันการจ้างลูกจ้างโดยใช้เงินนอกงบประมาณมี 2 รูปแบบ
รูปแบบแรก เป็นการจ้างงานที่มีการทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลัง หรือเอ็มโอยู โดยกระทรวงสาธารณสุขอยู่ในรูปแบบนี้ ส่วนอีกรูปแบบ มีการจ้างงานกันในปัจจุบัน แต่ไม่ได้มีการทำข้อตกลงเอ็มโอยูกับกระทรวงการคลัง ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้จะต้องเข้ามาปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังที่ประกาศใช้ โดยต้องมาจัดระเบียบใหม่ให้ถูกต้อง ยกตัวอย่าง กรมบัญชีกลางเองมีการใช้เงินนอกงบประมาณของกระทรวงการคลังมาจ้างลูกจ้าง โดยสามารถทำงานต่อไปได้จนถึงครบสัญญาจ้าง หลังจากนั้นจะต้องปฏิบัติตามระเบียบตัวนี้ หมายความว่ารอบสัญญาจ้างครั้งต่อไป จะต้องมีการทำเอ็มโอยูกับกระทรวงการคลังก่อน เมื่อกระทรวงการคลังอนุมัติกรอบและเงิน จึงดำเนินการจ้างงานได้ ส่วนในกรณีที่ใกล้จะครบสัญญาจ้างก็ให้มีการทำสัญญาล่วงหน้าก่อนที่จะหมดสัญญาได้ เพื่อให้การจ้างงานมีความต่อเนื่อง
สำหรับกรณีของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งอยู่ในแบบแรก มีการเซ็นเอ็มโอยูกับกรมบัญชีกลางเป็นการเฉพาะกรณี และยังใช้ระเบียบเงินบำรุงของสถานพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขเอง ที่กำหนดการจ่ายเงินบำรุงเป็นค่าจ้างชั่วคราวหรือลูกจ้างรายคาบ หรือจ่ายเงินบำรุงเป็นค่าจ้างและค่าตอบแทนแก่พนักงานของกระทรวงสาธารณสุข มีการกำหนดอัตราและค่าจ้างของลูกจ้าง และส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขเสนอขอกรอบอัตราของปีนี้มาเรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลัง โดยขอมาแบบสัญญาจ้าง 1 ปี กว่า 8,900 คน และ 4 ปี กว่า 31,000 คน ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ถือเป็นหน่วยงานพิเศษ เพราะมีการทำเอ็มโอยูไว้แล้วล่วงหน้าและมีระเบียบของตัวเองอยู่แล้ว จึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากประกาศกระทรวงการคลังฉบับนี้ซึ่งได้มีการชี้แจงให้กับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขได้เข้าใจแล้ว
อธิบดีกรมบัญชีกลาง ย้ำว่าวัตถุประสงค์ของการออกประกาศฉบับนี้ คือต้องการจัดระเบียบหน่วยงานที่ยังไม่ได้มีการทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลังให้อยู่ในกฎกติกา ซึ่งตัวระเบียบมีความยืดหยุ่นทั้งอัตราค่าจ้างและจำนวนปี เบื้องต้นกำนดไว้ เป็นรายปี หากจำเป็นสามารถทำเรื่องมากกว่า 1 ปีได้ และประกาศนี้จะทำให้ทราบถึงจำนวนลูกจ้างชั่วคราวและจำนวนเงินที่ใช้เงินนอกงบประมาณมาจัดจ้าง
นายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ยอมรับว่าเดิมอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน หลังจากการพูดคุยกับกรมบัญชีกลางทำให้มีความเข้าใจชัดเจนขึ้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีระเบียบว่าด้วยการจ้างงานของกระทรวงสาธารณสุข โดยเสนอมาที่กรมบัญชีกลางถึงอัตราจ้างทั้งแบบ 1 ปี และ 4 ปี พิจารณาจากสายงาน กรอบการทำงาน ภาระงาน จำนวนเงินที่จะจ้าง และไม่กระทบกับงานอื่น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ใช้คำว่า “เงินบำรุง” ตามระเบียบที่ทำความตกลงร่วมกับกระทรวงการคลัง
ส่วนกรณีที่แพทย์จะมาเดินขบวน เช่น แพทย์ชนบท นั้น เนื่องจากแพทย์เป็นผู้บังคับบัญชาที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นมดงานที่สำคัญในระบบประกันสุขภาพ หากขาดคนหรือลดคนจะกระทบต่อการบริการประชาชนด้านสุขภาพ จึงทำให้เกิดการเคลื่อนไหวขึ้น แต่วันนี้ว่ามีความชัดเจนแล้ว จะมีการชี้แจงกับบุคลากรให้เข้าใจตรงกัน ว่าไม่มีผลกระทบใดๆ จากระเบียบปฏิบัติตรงนี้ทำงานได้เหมือนเดิม
ด้าน นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยอยากให้บุคลากรสาธารณสุขสบายใจว่า ไม่ได้รับผลกระทบจากประกาศฉบับนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ทำเอ็มโอยู และมีระเบียบเงินบำรุงฉบับล่าสุดเมื่อปี 2561 ซึ่งยังยึดตามระเบียบนี้ คือปฏิบัติเหมือนเดิมทุกอย่าง ขอให้สบายใจ และทำงานได้อย่างเต็มที่. -สำนักข่าวไทย