ทำเนียบรัฐบาล 22 พ.ค.-รมว.ทรัพย์เผยที่ประชุมครม.เห็นชอบแก้ไขร่างพ.ร.บ.ป่าชุมชน หวังประชาชน ภาคเอกชนมีส่วนร่วมช่วยรัฐดูแลและเพิ่มพื้นที่ป่า
พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่ากรกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบแก้ไขร่างพ.ร.บ.ป่าชุมชน พ.ศ…. ซึ่งเป็นกฏหมายที่ให้สิทธิแก่ชุมชนบริหารจัดการป่าชุมชนที่อยู่ในท้องถิ่นของตนเอง สาระสำคัญในการแก้ไขและนำไปสู่การบริหารจัดการพื้นที่ป่าชุมชนในท้องถิ่น เพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวกำหนดให้มีโครงสร้างการบริหารในรูปแบบคณะกรรมการ 3 ระดับในการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน คณะกรรมการป่าชุมชนระดับจังหวัด และคณะกรรมการจัดป่าชุมชน
“การจัดตั้งป่าชุมชน ชุมชนสามารถยื่นคำขอจัดตั้งได้ โดยกำหนดให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์และบริเวณที่ใช้ประโยชน์ การกำหนดให้มีหลักเขต ป้าย ให้สมาชิกสามารถใช้ประโยชน์จากป่าชุมชน เช่น การเก็บหาของป่า การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ รวมถึงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ เช่น น้ำ ได้ด้วย ส่วนเงินรายได้และทรัพย์สินส่วนกลางจากค่าธรรมเนียม ค่าบริการ เงินสนับสนุนจากรัฐบาล เงินบริจาค ไม้ที่สมาชิกร่วมกันปลูกสามารถนำมาใช้เพื่อการจัดการป่าชุมชนในท้องถิ่นได้ สำหรับป่าชุมชนที่จัดตั้งตามกฎหมายเดิม และยังมีอายุโครงการอยู่ให้ถือว่าได้รับอนุมัติจัดตั้งเป็นป่าชุมชนโดยพ.ร.บ.ฉบับนี้” พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าว
พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นแรงจูงใจให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมกับรัฐบริหารจัดการป่าของชุมชนเพื่อความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน เป็นการกระจายอำนาจสู่ระดับพื้นที่ ทำให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานด้านป่าชุมชนและเป็นไปตามความต้องการของชุมชนและเหมาะสมตามศักยภาพของพื้นที่อย่างสมดุลและยั่งยืน ซึ่งประโยชน์จากพ.ร.บ.ป่าชุมชนจะช่วยลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับชุมชน เป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทำให้คุณภาพชีวิตของชุมชนดีขึ้น มูลค่าการพึ่งพิงป่าประมาณ 4,266 ล้านบาท ชุมชนมีความเข้มแข็ง เกิดความสามัคคี เกิดสำนึกรักบ้านเกิด แรงงานคืนถิ่น อีกทั้งยังฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นประชาชนมีความสุข ประชาชนได้รับประโยชน์มากกว่า 3 ล้านครัวเรือน
“ทำให้ป่าเกิดความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร และลดภาวะโลกร้อนสิ่งแวดล้อมดีขึ้น ช่วยกักเก็บคาร์บอน 40 ล้านตันคาร์บอน ช่วยกักเก็บน้ำในดิน 3,966 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายจะขยายการจัดตั้งป่าชุมชนตามนโยบายรัฐบาลจำนวน 21,850 หมู่บ้าน พื้นที่ 19.1 ล้านไร่ ให้เครือข่ายป่าชุมชนช่วยภาครัฐเฝ้าระวังดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ พื้นที่ป่าของรัฐมีสภาพที่ดีขึ้น และสภาพป่ามีความอุดมสมบูรณ์ รักษาและฟื้นฟูป่า นำไปสู่พื้นที่ป่าไม้ 40 % ลดความขัดแย้งและเกิดความร่วมมือระหว่างราษฎรในชุมชนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาคเอกชน องค์กรต่าง ๆ ให้การสนับสนุนชุมชนในลักษณะประชารัฐ” พล.อ.สุรศักดิ์ กล่า.-สำนักข่าวไทย
