“สมคิด” ชวนเกาหลีลงทุนไทย

รร.สยามเคมปินสกี้ 17 พ.ค. – “สมคิด” ชวนเกาหลีลงทุนไทย เพื่อเป็นฐานธุรกิจรุกสู่ตลาด CLMVT  โดยขอให้เชื่อมั่นไทยจะไม่ลำเอียงดูแลนักลงทุน  พร้อมเตรียมหารือทูตเกาหลีใต้จัดประชุม KOTCOM ครั้งที่ 2 ภายในปีนี้



ในงานสัมมนา “Korea-Thailand 60th Anniversary of Diplomatic Relations: Maekyung Thailand Forum” ซึ่งจัดโดยเมคยอง มีเดีย กรุ๊ป (Maekyung Media Group) สื่อด้านธุรกิจของเกาหลีใต้ เนื่องในโอกาสที่ นายเพค อุน-กยู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงาน (MOTIE) สาธารณรัฐเกาหลี นำคณะหน่วยงานภาครัฐ นักธุรกิจ และนักลงทุนชั้นนำในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมรายใหญ่ จากสาธารณรัฐเกาหลีกว่า 150 คน จาก 70 บริษัท เดินทางมาศึกษาลู่ทางการลงทุนในประเทศไทย เพื่อฉลองในโอกาสครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับเกาหลีใต้


นายเพค อุน-กยู กล่าวว่า ปัจจุบันมีนักธุรกิจของเกาหลีเข้ามาลงทุนในไทยไม่น้อยกว่า 400 บริษัท ทำให้เกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 30,000 ตำแหน่ง ช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมาก ด้วยจุดแข็งที่เกาหลีมองไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน และยังเป็นศูนย์กลางผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับ 4 ของโลก สะท้อนการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับนโยบายปฏิรูปอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ของเกาหลีที่มีการส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ยานยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์ และพลังงานทดแทน เป็นต้น ทั้งนี้ อยากให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความเห็นระหว่างกัน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างเท่าทัน จะเห็นแก่ตัวไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้งทางการค้า ดั่งสุภาษิตโบราณที่ว่า ทำนาต้องเอากล้า ทำปลาต้องเอาเกลือ เพราะไทยและเกาหลีเป็นประเทศที่เน้นพึ่งพาการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร ซึ่งหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้ง 2 ประเทศจะใช้โอกาสนี้ร่วมมือกันขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน 

นายอุน-กยู  กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเมื่อเทียบขนาดเศรษฐกิจของทั้งไทยและเกาหลีใต้สัดส่วนการลงทุนระหว่างกันนับว่ายังน้อย ดังนั้น ทางเกาหลีต้องการจะส่งเสริมสนับสนุนให้มีการลงทุนระหว่างกันมากขึ้น รวมถึงความร่วมมือทางการด้านการเมือง เพื่ออนาคตที่สดใสและเร็ว ๆ นี้จะเชิญนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เดินทางไปสานความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศต่อไป 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ  “ครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย – เกาหลีใต้ กับโอกาสของเกาหลีใต้ในการลงทุนในไทย” โดยระบุว่า รอนักธุรกิจเกาหลีใต้ 2 ปี นับจากที่ได้ไปเยือนประเทศเกาหลีใต้ในช่วง 2 ปีก่อน จึงมีความยินดีสูงสุดและจะนำสู่การเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่แน่นเฟ้นของทั้ง 2 ประเทศในอนาคต และการเข้ามาครั้งนี้ของนักลงทุนเกาหลีใต้เป็นจังหวะที่เหมาะสมในสถานการณ์บ้านเมืองของไทยที่สงบ การเมืองมีเสถียรภาพ และไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจประเทศมีแนวโน้มแจ่มใส เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวและเติบโตอย่างมีเสถียรภาพจากร้อยละ 1 ในปี 2557 เป็นร้อยละ 3.0  ในปี 2558 และร้อยละ 3.3 ในปี 2559  เพิ่มเป็นร้อยละ 3.9 ในปี 2560 และคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะโตทะลุร้อยละ 4 แน่นอน จากการฟื้นต้วของการบริโภค ภาคอุตสาหกรรม ภาคส่งออก การลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว และขอขอบคุณนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยปีที่แล้วถึง 1.7  ล้านคน สูงเป็นอันดับ 3 ด้านเงินเฟ้อของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ ด้านทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่ในระดับสูงกว่า 200,000 ล้านดอลลดาร์สหรัฐ ขณะที่หนี้สาธารณะมีสัดส่วนที่ร้อยละ  45 ของจีดีพีประเทศ ธนาคารโลกเห็นว่าเศรษฐกิจไทยแจ่มใส


ด้านภูมิรัฐศาสตร์ของไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงของเอเชียอย่างแท้จริง เขตความร่วมมือเศรฐษกิจและการค้าที่ใหญ่ที่สุดอย่าง RCEP และ CPTTP ภายใต้การนำของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอนุภูมิภาค  CLMVT จะเชื่อมเศรษฐกิจไทยและประเทศอื่น ๆ ในวงกว้าง ซึ่งจีน ยุโรป ญี่ปุ่น ต่างสนใจ ขณะที่ไทยอยู่ใจกลางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านย่อมเป็นศูนย์กลางโดยธรรมชาติ มีผลให้ธุรกิจยักษ์ใหญ่ต่างเลือกไทยเป็นศูนย์กลางในการทำธุรกิจเพื่อรุกสู่ประเทศอื่น ๆ โดยใช้ความเชื่อมโยงทางภูมิศาสตร์ และไทยเตรียมจัดประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) ครั้งที่ 8 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในวันที่ 15-16  มิถุนายนนี้ มีสมาชิกร่วมประชุม 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งเป็นการประชุมผู้นำประเทศที่จะกำหนดยุทธศาสตร์ที่ประเทศอื่น ๆ สามารถเข้ามาร่วมมือได้

นายสมคิด กล่าวว่า การเดินทางมาเยือนครั้งนี้ น่าเป็นโอกาสดีที่เกาหลีจะประเมินศักยภาพไทยและแสวงหาพันธมิตรธุรกิจในไทย ช่วงนี้จึงเป็นจังหวะเวลาเหมาะที่จะเชื่อมโยงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมได้ รัฐบาลไทยขณะนี้มีความมุ่งมั่นจะปฎิรูปเศรษฐกิจประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับความสามารถประเทศและเปลี่ยนผ่านจากแอนะล็อกไปสู่ดิจิทัล ดังนั้น ในอนาคตข้างหน้าจะมีโครงการลงทุนครั้งใหญ่ในเมกะโปรเจคจะมีการระดมทุน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยออกนโยบาย Thailand 4.0 เพื่อสร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีมูลค่ามากขึ้น ทั้งอุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต และต้องการต่อยอดอุตสาหกรรมรถยนต์ใหญ่ไทยมีขนาดอุตสาหกรรมใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้สู่อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต เดินหน้าสร้างไบโออีโคโนมี และก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมการบิน ซึ่งแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยถึงปีละ 35 ล้านคน จึงมั่นใจอุตสาหกรรมเหล่านี้จะเป็นจุดแข็งของไทย 

นายสมคิด กล่าวว่า เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทยและเกาหลีใต้ให้ดียิ่งขึ้นจะหารือกับทูตเกาหลีใต้ เพื่อจัดการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐเกาหลี-ไทย ครั้งที่ 2 (KOTCOM) ภายในปีนี้ โดยจะเตรียมการอย่างดีเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น แต่นักลงทุนเกาหลีใต้ต้องเชื่อว่าไทยมีศักยภาพ ดังนั้น การเดินทางมาเยือนไทยครั้งนี้ขอให้ศึกษาและเชื่อมั่นไว้วางใจว่า ไทยเป็นเพื่อนจะดูแลนักลงทุนเกาหลีเป็นอย่างดี จะสร้างศักยภาพขยายธุรกิจได้ และที่สำคัญอย่างยิ่ง ขอให้มีความเชื่อมั่นว่าหากทำงานร่วมกันจะสามารถบรรลุสิ่งที่ต้องการได้ตามที่ตนชื่อสมคิด แปลว่า คิดอะไรก็สมปรารถนาอยู่เสมอ 

นายสมคิด กล่าวว่า ปัจจุบันเกาหลีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 10 ของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 15 ของเกาหลีใต้ การลงทุนเกาหลีในไทยอยู่อันดับที่ 12 ขณะที่ไทยต้องการการลงทุนจากเกาหลีทั้งสิ้น เพราะปัจจุบัน ประเทศเกาหลีใต้มีจุดแข็งหลายด้าน  ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์มีฮุนได สื่อสารโทรคมนาคมมีซัมซุง แอลจี และอื่น ๆ อุตสาหกรรมเหล็ก รถไฟฟ้า เครื่องบิน ดิจิทัล เกาหลีใต้ จึงไม่เป็น 2 รองใคร ประเทศไทย จึงมองเกาหลีใต้เป็นตัวอย่างทั้งสิ้น  การเริ่มพัฒนาเศรษฐกิจของเกาหลีและไทยเริ่มพร้อมกัน แต่เกาหลีก้าวหน้ามาก ไทยสร้างโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อเป็นพอร์ตของ CLMVT เกาหลีจึงเป็นตัวอย่างของไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจ ประเทศไทยต้องการสร้างกระแสของการปฏิรูป แต่ต้องการมิตรสหายที่จะเข้ามาร่วม และเกาหลีใต้เป็นเป้าหมายของไทย

นายสมคิด ยังเชิญชวนให้นักลงทุนเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย  ซึ่งขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างเดินหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการรถไฟฟ้าหลายสายในกรุงเทพมหานคร ดังนั้นต้องการให้ทางเกาหลีเข้ามาร่วมมีส่วนด้วย เพราะว่าธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ในไทย จะมีโอกาสมาก หากสามารถเปิดตัวโครงการได้ก็จะได้ประโยชน์จากการเข้ามาลงทุน และประเทศไทย และยังมีโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี ที่รองรับการลงทุนใหม่ ๆ ยืนยันว่า  ประเทศไทยไม่ลำเอียงดูแลนักลงทุน ดูแลเฉพาะญี่ปุ่นตามที่นักลงทุนเกาหลีเคยรู้สึก ยืนยันว่าไทยจะดูแลนักลงทุนอย่างเท่าเทียม  และย้ำว่าทุกบริษัทเกาหลีใต้มีโอกาสเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

ส่วนการที่นักลงทุนเกาหลีต้องการถือหุ้นในบริษัทที่ลงทุนในไทยมากกว่าร้อยละ 49 นั้น  รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างพิจารณาจะทบทวนกฏหมายการถือหุ้นของต่างชาติในกิจการในประเทศไทยที่ปัจจุบันกำหนดไว้สูงสุดที่ร้อยละ 49 ดังนั้น ขอให้นักลงทุนติดตามข่าว ส่วนการเข้ามาลงทุนในตลาดทุนไทยนั้น ตลาดทุนไทย ปัจจุบันไม่เป็นรองประเทศใดในอาเซียน ดังนั้น จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มการสื่อสารให้กับนักลงทุนเกาหลีให้มากยิ่งขึ้น ในส่วนของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่นักลงทุนเกาหลีสนใจ ก็ยังมีโอกาสที่อุตสาหกรรมนี้จะเติบโตได้ 

นายสมคิด กล่าวว่า นักธุรกิจเกาหลีมีความเข้มแข็งและไม่เป็นที่ 2 รองใคร ไทยมีนโยบายความเท่าเทียมในการดูแลนักลงทุน และยังสั่งการให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จัดทำนโยบายที่จะดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนเกาหลีใต้ไปด้วยแล้ว สำหรับซัมซุงปัจจุบันลงทุนหลายด้านในไทย แต่ยังไม่ลงทุนด้านสื่อสารโทรคมนาคม แต่ไปลงทุนในเวียดนาม จึงต้องการเชิญชวนให้มาลงทุนในไทย เพื่อสร้างโอกาสในตลาด CLMVT ที่มีขนาดตลาดถึง 250 ล้านคน

ด้านสายการบินต้นทุนต่ำของเกาหลีใต้ที่สนใจธุรกิจนี้ในไทย ไทยมียอดนักท่องเที่ยวปีละกว่า 35 ล้านคน อุตสาหกรรมนี้จึงเติบโตเร็วมาก จึงเปิดโอกาสที่จะเชื่อมโยงประเทศต่าง ๆ รอบไทย ดังนั้น ในอนาคตไทยจะก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค ด้านการลงทุนของสายการบินต้นทุนต่ำ ล่าสุดบริษัท ไทยแอร์เอเชียมีโครงการลงทุน 150 ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานหรือ MRO  และลงทุนสร้าง lowcost terminal เพื่อเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวต่างจังหวัดของไทยด้วย

สำหรับกิจกรรมของคณะเกาหลี เริ่มตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 พ.ค.) ซึ่งทางบีโอไอ กระทรวงอุตสาหกรรมและโคเรียไบโอ หรือองค์กรส่งเสริมเทคโนโลยีชีวภาพของสาธารณรัฐเกาหลี (KoreaBio) จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมไบโอเทคโนโลยี ตลอดจนความร่วมมือในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การสัมมนา การจับคู่ทางธุรกิจ การสำรวจลู่ทางการลงทุนไปแล้ว โดยฝ่ายไทยมีนางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยนายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ฝ่ายเกาหลี ผู้ลงนาม คือ นายจอง ซอน ซอ ประธานโคเรียไบโอ โดยมีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นสักขีพยาน

ประเทศเกาหลีใต้มีการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ทันสมัยและได้รับการยอมรับในระดับโลก   ทั้งด้านอิเล็กทรอนิกส์ ด้านดิจิทัลรวมถึงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย โดยเฉพาะด้านไบโอเทคโนโลยี  ดังนั้น ทางบีโอไอ จึงต้องการเชิญชวนให้ธุรกิจชั้นนำของเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะ อีอีซี ซึ่งพร้อมรองรับการลงทุนด้านนวัตกรรมและดิจิทัลในพื้นที่ EECi และ EECd รวมทั้งการลงทุนพัฒนาสมาร์ทซิตี้ในประเทศไทย 

สำหรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่ออกมาล่าสุด เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 คณะกรรมการบีโอไอ ออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากเกาหลีใต้ได้ เช่น มาตรการส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือสมาร์ท ซิตี้ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมาย คือ บริษัทผู้พัฒนาระบบอัจฉริยะด้านต่าง ๆ ซึ่งบริษัทชั้นนำของเกาหลีใต้มีศักยภาพสูงมาก  และยังมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพื้นที่อีอีซี มีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีมากกว่าเดิม จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้กับบริษัทเกาหลีใต้ที่กำลังตัดสินใจเลือกแหล่งลงทุนให้เลือกประเทศไทยโดยเฉพาะพื้นที่อีอีซี

ข้อมูลจากบีโอไอ ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2553-2560 มีบริษัทชั้นนำจากเกาหลีใต้ลงทุนในไทยกว่า 230 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกันกว่า  38,800  ล้านบาท อาทิ กลุ่มบริษัทในเครือพอสโก้  ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของเกาหลีใต้ บริษัท ไทยซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์  บริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอ-เมคคานิกส์  บริษัท แอลจี อิเล็กทรอนิกส์  บริษัทฮันออน ซิสเต็มส์ ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ บริษัท สุมิเดน ฮโยซอง สตีล คาร์ด  ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และบริษัท ฮานซอล เทคนิคส์ ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น 

นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาธุรกิจและการประชุมหารือระหว่างผู้บริหารระดับสูงของภาคเอกชนไทยและเกาหลีใต้ ร่วมกับบีโอไอและสำนักงานอีอีซี เพื่อแสวงหาความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างกันในอนาคต  ภายใต้การดำเนินนโยบายไทยแลนด์ 4.0 นโยบายการพัฒนาอีอีซี นโยบายส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0. – สำนักข่าวไทย

                 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

พระปรางค์วัดอรุณ

ข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.- “แพทองธาร” เผยข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลกของยูเนสโกแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ข่าวดีของคนไทย “พระปรางค์วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร” ได้รับการบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) ของยูเนสโกแล้วค่ะ ดิฉันได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส แจ้งว่า ที่ประชุมได้รับทราบว่าพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ในอนาคต กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดทำเอกสารเสนอชื่อ (Nomination Dossier) ควบคู่กับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการพื้นที่ตามหลักสากล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ขั้นตอนต่อไป ความคืบหน้านี้เป็นมากกว่าการอนุรักษ์สถานที่ แต่คือการยืนยันอัตลักษณ์ไทยที่งดงามและทรงคุณค่าในสายตาชาวโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่นี้” .-316 สำนักข่าวไทย

ตรวจสอบรายรับรายจ่ายวัดใหญ่จอมปราสาท

สมุทรสาคร 13 ก.ค. – เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดใหญ่จอมปราสาท นำมาเทียบกับเส้นเงินของของเจ้าอาวาสที่หนีไป หลังตรวจพบโอนเงินให้สีกา ก. กว่า 1 ล้านบาท ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำคณะเข้าพบ พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ คณะพระสงฆ์ (พระลูกวัด) วัดใหญ่จอมปราสาท ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการวัด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ระบบการเงินในวัดใหญ่จอมปราสาท เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ตรวจพบว่าได้โอนเงินกว่า 1 ล้านบาทไปให้สีกา ก. แต่ยังไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเด็นที่ต้องการทราบเพิ่มเติมคือ เงินที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนไหน แล้วเงินวัดมีรายรับจากที่ใดบ้าง มีรายจ่ายอย่างไร รวมถึง เงินวัดนั้นเข้าบัญชีใคร มีไวยาวัจกรณ์เบิกจ่ายหรือไม่ หรือใครเป็นผู้ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินทั้งหมด ผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า ทางวัดยังไม่มีไวยาวัจกรวัดคนใหม่ หลังจากคนเก่าลาออกไปเล่นการเมืองท้องถิ่น ส่วนเงินวัดนั้นเจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินวัดก็จะมีรายรับมาจากให้ที่จอดเรือบริเวณหน้าวัด ประมาณเดือนละ […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]