“สมคิด” ชวนเกาหลีลงทุนไทย

รร.สยามเคมปินสกี้ 17 พ.ค. – “สมคิด” ชวนเกาหลีลงทุนไทย เพื่อเป็นฐานธุรกิจรุกสู่ตลาด CLMVT  โดยขอให้เชื่อมั่นไทยจะไม่ลำเอียงดูแลนักลงทุน  พร้อมเตรียมหารือทูตเกาหลีใต้จัดประชุม KOTCOM ครั้งที่ 2 ภายในปีนี้



ในงานสัมมนา “Korea-Thailand 60th Anniversary of Diplomatic Relations: Maekyung Thailand Forum” ซึ่งจัดโดยเมคยอง มีเดีย กรุ๊ป (Maekyung Media Group) สื่อด้านธุรกิจของเกาหลีใต้ เนื่องในโอกาสที่ นายเพค อุน-กยู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงาน (MOTIE) สาธารณรัฐเกาหลี นำคณะหน่วยงานภาครัฐ นักธุรกิจ และนักลงทุนชั้นนำในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมรายใหญ่ จากสาธารณรัฐเกาหลีกว่า 150 คน จาก 70 บริษัท เดินทางมาศึกษาลู่ทางการลงทุนในประเทศไทย เพื่อฉลองในโอกาสครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับเกาหลีใต้


นายเพค อุน-กยู กล่าวว่า ปัจจุบันมีนักธุรกิจของเกาหลีเข้ามาลงทุนในไทยไม่น้อยกว่า 400 บริษัท ทำให้เกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 30,000 ตำแหน่ง ช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมาก ด้วยจุดแข็งที่เกาหลีมองไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน และยังเป็นศูนย์กลางผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับ 4 ของโลก สะท้อนการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับนโยบายปฏิรูปอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ของเกาหลีที่มีการส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ยานยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์ และพลังงานทดแทน เป็นต้น ทั้งนี้ อยากให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความเห็นระหว่างกัน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างเท่าทัน จะเห็นแก่ตัวไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้งทางการค้า ดั่งสุภาษิตโบราณที่ว่า ทำนาต้องเอากล้า ทำปลาต้องเอาเกลือ เพราะไทยและเกาหลีเป็นประเทศที่เน้นพึ่งพาการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร ซึ่งหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้ง 2 ประเทศจะใช้โอกาสนี้ร่วมมือกันขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน 

นายอุน-กยู  กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเมื่อเทียบขนาดเศรษฐกิจของทั้งไทยและเกาหลีใต้สัดส่วนการลงทุนระหว่างกันนับว่ายังน้อย ดังนั้น ทางเกาหลีต้องการจะส่งเสริมสนับสนุนให้มีการลงทุนระหว่างกันมากขึ้น รวมถึงความร่วมมือทางการด้านการเมือง เพื่ออนาคตที่สดใสและเร็ว ๆ นี้จะเชิญนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เดินทางไปสานความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศต่อไป 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ  “ครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย – เกาหลีใต้ กับโอกาสของเกาหลีใต้ในการลงทุนในไทย” โดยระบุว่า รอนักธุรกิจเกาหลีใต้ 2 ปี นับจากที่ได้ไปเยือนประเทศเกาหลีใต้ในช่วง 2 ปีก่อน จึงมีความยินดีสูงสุดและจะนำสู่การเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่แน่นเฟ้นของทั้ง 2 ประเทศในอนาคต และการเข้ามาครั้งนี้ของนักลงทุนเกาหลีใต้เป็นจังหวะที่เหมาะสมในสถานการณ์บ้านเมืองของไทยที่สงบ การเมืองมีเสถียรภาพ และไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจประเทศมีแนวโน้มแจ่มใส เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวและเติบโตอย่างมีเสถียรภาพจากร้อยละ 1 ในปี 2557 เป็นร้อยละ 3.0  ในปี 2558 และร้อยละ 3.3 ในปี 2559  เพิ่มเป็นร้อยละ 3.9 ในปี 2560 และคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะโตทะลุร้อยละ 4 แน่นอน จากการฟื้นต้วของการบริโภค ภาคอุตสาหกรรม ภาคส่งออก การลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว และขอขอบคุณนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยปีที่แล้วถึง 1.7  ล้านคน สูงเป็นอันดับ 3 ด้านเงินเฟ้อของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ ด้านทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่ในระดับสูงกว่า 200,000 ล้านดอลลดาร์สหรัฐ ขณะที่หนี้สาธารณะมีสัดส่วนที่ร้อยละ  45 ของจีดีพีประเทศ ธนาคารโลกเห็นว่าเศรษฐกิจไทยแจ่มใส


ด้านภูมิรัฐศาสตร์ของไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงของเอเชียอย่างแท้จริง เขตความร่วมมือเศรฐษกิจและการค้าที่ใหญ่ที่สุดอย่าง RCEP และ CPTTP ภายใต้การนำของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอนุภูมิภาค  CLMVT จะเชื่อมเศรษฐกิจไทยและประเทศอื่น ๆ ในวงกว้าง ซึ่งจีน ยุโรป ญี่ปุ่น ต่างสนใจ ขณะที่ไทยอยู่ใจกลางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านย่อมเป็นศูนย์กลางโดยธรรมชาติ มีผลให้ธุรกิจยักษ์ใหญ่ต่างเลือกไทยเป็นศูนย์กลางในการทำธุรกิจเพื่อรุกสู่ประเทศอื่น ๆ โดยใช้ความเชื่อมโยงทางภูมิศาสตร์ และไทยเตรียมจัดประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) ครั้งที่ 8 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในวันที่ 15-16  มิถุนายนนี้ มีสมาชิกร่วมประชุม 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งเป็นการประชุมผู้นำประเทศที่จะกำหนดยุทธศาสตร์ที่ประเทศอื่น ๆ สามารถเข้ามาร่วมมือได้

นายสมคิด กล่าวว่า การเดินทางมาเยือนครั้งนี้ น่าเป็นโอกาสดีที่เกาหลีจะประเมินศักยภาพไทยและแสวงหาพันธมิตรธุรกิจในไทย ช่วงนี้จึงเป็นจังหวะเวลาเหมาะที่จะเชื่อมโยงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมได้ รัฐบาลไทยขณะนี้มีความมุ่งมั่นจะปฎิรูปเศรษฐกิจประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับความสามารถประเทศและเปลี่ยนผ่านจากแอนะล็อกไปสู่ดิจิทัล ดังนั้น ในอนาคตข้างหน้าจะมีโครงการลงทุนครั้งใหญ่ในเมกะโปรเจคจะมีการระดมทุน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยออกนโยบาย Thailand 4.0 เพื่อสร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีมูลค่ามากขึ้น ทั้งอุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต และต้องการต่อยอดอุตสาหกรรมรถยนต์ใหญ่ไทยมีขนาดอุตสาหกรรมใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้สู่อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต เดินหน้าสร้างไบโออีโคโนมี และก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมการบิน ซึ่งแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยถึงปีละ 35 ล้านคน จึงมั่นใจอุตสาหกรรมเหล่านี้จะเป็นจุดแข็งของไทย 

นายสมคิด กล่าวว่า เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทยและเกาหลีใต้ให้ดียิ่งขึ้นจะหารือกับทูตเกาหลีใต้ เพื่อจัดการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐเกาหลี-ไทย ครั้งที่ 2 (KOTCOM) ภายในปีนี้ โดยจะเตรียมการอย่างดีเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น แต่นักลงทุนเกาหลีใต้ต้องเชื่อว่าไทยมีศักยภาพ ดังนั้น การเดินทางมาเยือนไทยครั้งนี้ขอให้ศึกษาและเชื่อมั่นไว้วางใจว่า ไทยเป็นเพื่อนจะดูแลนักลงทุนเกาหลีเป็นอย่างดี จะสร้างศักยภาพขยายธุรกิจได้ และที่สำคัญอย่างยิ่ง ขอให้มีความเชื่อมั่นว่าหากทำงานร่วมกันจะสามารถบรรลุสิ่งที่ต้องการได้ตามที่ตนชื่อสมคิด แปลว่า คิดอะไรก็สมปรารถนาอยู่เสมอ 

นายสมคิด กล่าวว่า ปัจจุบันเกาหลีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 10 ของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 15 ของเกาหลีใต้ การลงทุนเกาหลีในไทยอยู่อันดับที่ 12 ขณะที่ไทยต้องการการลงทุนจากเกาหลีทั้งสิ้น เพราะปัจจุบัน ประเทศเกาหลีใต้มีจุดแข็งหลายด้าน  ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์มีฮุนได สื่อสารโทรคมนาคมมีซัมซุง แอลจี และอื่น ๆ อุตสาหกรรมเหล็ก รถไฟฟ้า เครื่องบิน ดิจิทัล เกาหลีใต้ จึงไม่เป็น 2 รองใคร ประเทศไทย จึงมองเกาหลีใต้เป็นตัวอย่างทั้งสิ้น  การเริ่มพัฒนาเศรษฐกิจของเกาหลีและไทยเริ่มพร้อมกัน แต่เกาหลีก้าวหน้ามาก ไทยสร้างโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อเป็นพอร์ตของ CLMVT เกาหลีจึงเป็นตัวอย่างของไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจ ประเทศไทยต้องการสร้างกระแสของการปฏิรูป แต่ต้องการมิตรสหายที่จะเข้ามาร่วม และเกาหลีใต้เป็นเป้าหมายของไทย

นายสมคิด ยังเชิญชวนให้นักลงทุนเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย  ซึ่งขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างเดินหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการรถไฟฟ้าหลายสายในกรุงเทพมหานคร ดังนั้นต้องการให้ทางเกาหลีเข้ามาร่วมมีส่วนด้วย เพราะว่าธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ในไทย จะมีโอกาสมาก หากสามารถเปิดตัวโครงการได้ก็จะได้ประโยชน์จากการเข้ามาลงทุน และประเทศไทย และยังมีโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี ที่รองรับการลงทุนใหม่ ๆ ยืนยันว่า  ประเทศไทยไม่ลำเอียงดูแลนักลงทุน ดูแลเฉพาะญี่ปุ่นตามที่นักลงทุนเกาหลีเคยรู้สึก ยืนยันว่าไทยจะดูแลนักลงทุนอย่างเท่าเทียม  และย้ำว่าทุกบริษัทเกาหลีใต้มีโอกาสเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

ส่วนการที่นักลงทุนเกาหลีต้องการถือหุ้นในบริษัทที่ลงทุนในไทยมากกว่าร้อยละ 49 นั้น  รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างพิจารณาจะทบทวนกฏหมายการถือหุ้นของต่างชาติในกิจการในประเทศไทยที่ปัจจุบันกำหนดไว้สูงสุดที่ร้อยละ 49 ดังนั้น ขอให้นักลงทุนติดตามข่าว ส่วนการเข้ามาลงทุนในตลาดทุนไทยนั้น ตลาดทุนไทย ปัจจุบันไม่เป็นรองประเทศใดในอาเซียน ดังนั้น จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มการสื่อสารให้กับนักลงทุนเกาหลีให้มากยิ่งขึ้น ในส่วนของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่นักลงทุนเกาหลีสนใจ ก็ยังมีโอกาสที่อุตสาหกรรมนี้จะเติบโตได้ 

นายสมคิด กล่าวว่า นักธุรกิจเกาหลีมีความเข้มแข็งและไม่เป็นที่ 2 รองใคร ไทยมีนโยบายความเท่าเทียมในการดูแลนักลงทุน และยังสั่งการให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จัดทำนโยบายที่จะดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนเกาหลีใต้ไปด้วยแล้ว สำหรับซัมซุงปัจจุบันลงทุนหลายด้านในไทย แต่ยังไม่ลงทุนด้านสื่อสารโทรคมนาคม แต่ไปลงทุนในเวียดนาม จึงต้องการเชิญชวนให้มาลงทุนในไทย เพื่อสร้างโอกาสในตลาด CLMVT ที่มีขนาดตลาดถึง 250 ล้านคน

ด้านสายการบินต้นทุนต่ำของเกาหลีใต้ที่สนใจธุรกิจนี้ในไทย ไทยมียอดนักท่องเที่ยวปีละกว่า 35 ล้านคน อุตสาหกรรมนี้จึงเติบโตเร็วมาก จึงเปิดโอกาสที่จะเชื่อมโยงประเทศต่าง ๆ รอบไทย ดังนั้น ในอนาคตไทยจะก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค ด้านการลงทุนของสายการบินต้นทุนต่ำ ล่าสุดบริษัท ไทยแอร์เอเชียมีโครงการลงทุน 150 ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานหรือ MRO  และลงทุนสร้าง lowcost terminal เพื่อเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวต่างจังหวัดของไทยด้วย

สำหรับกิจกรรมของคณะเกาหลี เริ่มตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 พ.ค.) ซึ่งทางบีโอไอ กระทรวงอุตสาหกรรมและโคเรียไบโอ หรือองค์กรส่งเสริมเทคโนโลยีชีวภาพของสาธารณรัฐเกาหลี (KoreaBio) จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมไบโอเทคโนโลยี ตลอดจนความร่วมมือในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การสัมมนา การจับคู่ทางธุรกิจ การสำรวจลู่ทางการลงทุนไปแล้ว โดยฝ่ายไทยมีนางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยนายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ฝ่ายเกาหลี ผู้ลงนาม คือ นายจอง ซอน ซอ ประธานโคเรียไบโอ โดยมีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นสักขีพยาน

ประเทศเกาหลีใต้มีการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ทันสมัยและได้รับการยอมรับในระดับโลก   ทั้งด้านอิเล็กทรอนิกส์ ด้านดิจิทัลรวมถึงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย โดยเฉพาะด้านไบโอเทคโนโลยี  ดังนั้น ทางบีโอไอ จึงต้องการเชิญชวนให้ธุรกิจชั้นนำของเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะ อีอีซี ซึ่งพร้อมรองรับการลงทุนด้านนวัตกรรมและดิจิทัลในพื้นที่ EECi และ EECd รวมทั้งการลงทุนพัฒนาสมาร์ทซิตี้ในประเทศไทย 

สำหรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่ออกมาล่าสุด เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 คณะกรรมการบีโอไอ ออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากเกาหลีใต้ได้ เช่น มาตรการส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือสมาร์ท ซิตี้ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมาย คือ บริษัทผู้พัฒนาระบบอัจฉริยะด้านต่าง ๆ ซึ่งบริษัทชั้นนำของเกาหลีใต้มีศักยภาพสูงมาก  และยังมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพื้นที่อีอีซี มีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีมากกว่าเดิม จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้กับบริษัทเกาหลีใต้ที่กำลังตัดสินใจเลือกแหล่งลงทุนให้เลือกประเทศไทยโดยเฉพาะพื้นที่อีอีซี

ข้อมูลจากบีโอไอ ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2553-2560 มีบริษัทชั้นนำจากเกาหลีใต้ลงทุนในไทยกว่า 230 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกันกว่า  38,800  ล้านบาท อาทิ กลุ่มบริษัทในเครือพอสโก้  ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของเกาหลีใต้ บริษัท ไทยซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์  บริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอ-เมคคานิกส์  บริษัท แอลจี อิเล็กทรอนิกส์  บริษัทฮันออน ซิสเต็มส์ ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ บริษัท สุมิเดน ฮโยซอง สตีล คาร์ด  ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และบริษัท ฮานซอล เทคนิคส์ ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น 

นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาธุรกิจและการประชุมหารือระหว่างผู้บริหารระดับสูงของภาคเอกชนไทยและเกาหลีใต้ ร่วมกับบีโอไอและสำนักงานอีอีซี เพื่อแสวงหาความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างกันในอนาคต  ภายใต้การดำเนินนโยบายไทยแลนด์ 4.0 นโยบายการพัฒนาอีอีซี นโยบายส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0. – สำนักข่าวไทย

                 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ครม.เคาะเยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุชายแดน รายละ 8-10 ล้าน

กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – ครม. อนุมัติเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รายละ 8-10 ล้านบาท พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวปลอม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการกระชุม ครม. วาระสำคัญของรัฐบาล “ก้าวผ่านสองวิกฤติ เดินหน้าไปด้วยกัน” โดยระบุว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุกๆ ครอบครัว แม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะประเมินเป็นมูลค่ามิได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิต รวมรายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รวมรายละ 8 ล้านบาท พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงสถานการณ์ที่ไทยเราต้องประสบกับมาตรการภาษีการค้าจากสหรัฐอเมริกา ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง โดยยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ส่วนการที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีการค้าของไทยที่ร้อยละ 19 ทำให้ไทยยังคงมีศักยภาพแข่งขันได้ในเวทีโลก และยังคงความได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันในภูมิภาค รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งมาตรการ Soft loan มาตรการพักชำระหนี้ การส่งเสริมให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และการตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนและรองรับการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง […]

“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน

กทม. 5 ส.ค.-“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน พิสูจน์หาสารเสพติดในร่างกาย พลตำรวจตรี ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวานนี้ คนขับรถกระบะได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยให้การว่า ตนกำลังจะขับรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ อยู่ดีๆ “เป๊ก ผลิตโชค” ก็กระโดดขึ้นมาบนฝากระโปรงรถ ตอนนั้นรู้สึกตกใจ จึงเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน ลงมาพูดคุยกับ “เป๊ก” จากนั้น “เป๊ก” ก็เข้ามาสวมกอด ยกมือไหว้ แล้วเบนไปหานายชุติเทพ มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ตนก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป และไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น จนกระทั่งมาเปิดดูข่าว ส่วนคนขับรถแท็กซี่ที่ปรากฏภาพ “เป๊ก ผลิตโชค” ขึ้นไปเกาะบนหลังคารถ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการติดต่อเข้ามาให้ปากคำ ด้าน “เป๊ก ผลิตโชค” ยังไม่ได้เริ่มสอบปากคำ เพราะยังอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ ซึ่งพนักงานสอบสวน ยินดีที่จะเข้าไปสอบปากคำที่โรงพยาบาล ถ้าหากแพทย์อนุญาต หรือ “เป๊ก ผลิตโชค” […]

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย