กรุงเทพฯ 16 พ.ค.- ครอบครัวหัวร้อนที่ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และมีผู้นำคลิปไปเผยแพร่จนถูกวิจารร์อย่างหนัก เข้าขอขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบตาพุดที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบตาพุด จว.ระยอง กำลังปฏิบัติหน้าที่ ได้มีคนกลุ่มหนึ่งแสดงกิริยาอาการไม่พอใจ ด่าทอ เจ้าหน้าที่ซึ่งปรากฏเป็นคลิปวิดีโออย่างแพร่หลายในสื่อออนไลน์ ว่า พนักงานสอบสวน สภ.มาบตาพุด ได้แจ้งข้อกล่าวหานายพายัพ แสงวันดี บุคคลในคลิปวีดีโอเพิ่มเติมในข้อหาร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นได้ปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นพนักงานสอบสวน และในวันนี้ 16 พ.ค.61 เวลาประมาณ 08.30 น.ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ได้มาขอโทษ ขอขมา ร.ต.อ.วิทยาฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บนั้น เหตุการณ์ทั่วไปเป็นไปด้วยความปกติ
สำหรับประเด็นที่ผู้ต้องหาได้มาขอโทษขอขมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่สามารถกระทำได้ ในส่วนของคดีนั้นพนักงานสอบสวนก็คงต้องดำเนินการต่อไป ว่าเป็นความผิดต่อส่วนตัวหรือเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน โดยการดำเนินคดีพนักงานสอบสวนจะดำเนินการไปพยานหลักฐาน และรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด ผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และสามารถตอบโจทย์ของสังคมได้
รองโฆษก ตร.ยังกล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำกำชับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาโดยตลอด ในการบังคับใช้กฎหมายและต้องสัมผัสกับพี่น้องประชาชน โดยให้ใช้กิริยาวาจาที่สุภาพ นำหลักอุดมคติตำรวจ 9 ประการ “อดทนต่อความเจ็บใจ” มาปรับใช้ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ต้องสัมผัสประชาชนเป็นพิเศษอยู่ตลอดเวลา อีกทั้ง ท่าน ผบ.ตร.ยังได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเหน็ดเหนื่อย เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน ให้มีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ทำงานด้วยความเต็มใจ สมกับเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง
รองโฆษก ตร.ยังกล่าวต่ออีกว่า ในคดีดังกล่าวขอให้เป็นอุทาหรณ์ บทเรียนทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและพี่น้องประชาชน ขอให้มีสติไตร่ตรองก่อนอยู่เสมอ โดยขอเรียนว่า ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นโดยยึดหลักนิติธรรม บังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับผู้หนึ่งผู้ใด อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติตามหน้าที่ไม่ได้เป็นคู่กรณีกับผู้หนึ่งผู้ใดแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย