นนทบุรี 14 พ.ค. – กรมการค้าต่างประเทศจับมือสมาคมผู้ส่งออกข้าวเดินหน้าขยายตลาดข้าวไทยในมาเลเซียและอินโดนีเซีย คาดปีนี้ทั้ง 2 ประเทศจะนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อข้าวฤดูกาลใหม่ที่จะมีตลาดรองรับ สบช่องดันข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมนิล ข้าวสังข์หยด และกข43 เจาะตลาดคนรักสุขภาพ หลังพบตลาดต้องการสูงมาก
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7-9 พฤษภาคมที่ผ่านมา กรมฯ ได้นำสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยพร้อมสมาชิกเดินทางไปเยือนหน่วยงานจัดซื้อข้าวแห่งชาติของมาเลเซีย (BERNAS) และองค์กรสำรองอาหารแห่งอินโดนีเซีย (BULOG) เพื่อกระชับความสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ข้าวและหาโอกาสในการขยายการส่งออกข้าวไทยทั้งในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) และรัฐบาลต่อเอกชน (G to P) ไปยัง 2 ประเทศ
“การเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์และขยายตลาดข้าวที่มาเลเซียและอินโดนีเซียครั้งนี้ประสบความสำเร็จและได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก โดยทราบว่าทั้ง 2 ประเทศยังคงมีความต้องการซื้อข้าวและคาดว่าปีนี้ทั้ง 2 ประเทศจะนำเข้าข้าวไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งสัญญาณเชิงบวกต่อข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ที่กำลังจะออกสู่ตลาดและรักษาระดับราคาข้าวไทยให้มีเสถียรภาพระยะยาว” นายอดุลย์ กล่าว
นายอดุลย์กล่าวว่า กรมฯ ยังได้ใช้โอกาสนี้เข้าพบปะหารือกับบริษัท Jasmine Food Corporation Sdn Bhd และบริษัท YHL Holding Sdn Bhd ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BERNAS ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายข้าวไทยภายใต้ชื่อยี่ห้อต่าง ๆ ที่เป็นที่รู้จักดีในมาเลเซีย อาทิ Royal Umbrella หรือข้าวตราฉัตร , Sunflower , Sakura และ Saga ซึ่งจากการหารือพบข้อมูลที่น่าสนใจว่าผู้บริโภคในมาเลเซียให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น โดยกรมฯ ได้แนะนำข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมนิล และข้าวสังข์หยด รวมทั้งข้าวพันธุ์ กข43 ซึ่งเป็นการตอบโจทย์สำหรับกลุ่มผู้บริโภคข้าวที่รักสุขภาพ สนใจบริโภคข้าวที่ให้น้ำตาลต่ำ และเป็นจุดขายที่ไทยกำลังมุ่งอยู่ในขณะนี้ จึงได้รับความสนใจที่จะนำเข้าเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 บริษัทขอให้ไทยสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ข้าวชนิดต่าง ๆ ของไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในตลาดมาเลเซียเพิ่มขึ้น เช่น การจัด In-store Promotion ในซุปเปอร์มาเก็ตชั้นนำ โดยกรมฯ จะประสานและร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในการดำเนินการประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดมาเลเซียต่อไป
ส่วนตลาดอินโดนีเซีย แม้ชาวอินโดนีเซียจะบริโภคข้าวขาวเป็นหลัก แต่ปัจจุบันเริ่มมีแนวโน้มที่ผู้บริโภคอินโดนีเซียหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ผู้ส่งออกข้าวไทยจะสามารถขยายตลาดข้าวลักษณะพิเศษที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีดัชนีน้ำตาลต่ำในตลาดอินโดนีเซียได้เช่นกัน ซึ่งกรมฯ จะร่วมมือกับผู้ส่งออกทำการขยายตลาดข้าวในส่วนนี้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย