ก.พลังงานจับตาน้ำมัน-แอลพีจีตลาดโลกพุ่ง

กรุงเทพฯ  11 พ.ค. – ก.พลังงานจับตาราคาน้ำมัน-แอลพีจีตลาดโลกพุ่ง เตรียมเงินกองทุนดูแล สนพ.วอนผู้ค้าไม่ให้มีพฤติกรรมชี้นำตลาด 


นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากสถานการณ์ตะวันออกกลาง ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในตลาดโลกเพิ่มขึ้นวันละ 2-3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ต่อเนื่อง 2-3 วัน และขณะนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ไทยนำเข้ามากลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปขายในประเทศปรับขึ้นมา  4.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อยู่ที่  74.58 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศน่าจะปรับเพิ่มขึ้นลิตรละ 1 บาท ที่ลิตรละ 30.42 บาท 

อย่างไรก็ตาม ผลจากการที่กระทรวงพลังงานมีมาตรการรองรับ เช่น ให้มีการแข่งขันราคาขายปลีกมากขึ้น การปรับโครงสร้างราคาหน้าโรงกลั่นลดลงช่วยให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร โดยแบรนด์หลักราคาขายปลีกอยู่ที่ 28.89 บาทต่อลิตร แบรนด์รอง 28.29 บาทต่อลิตร เพราะฉะนั้นมาตรการของกระทรวงพลังงานในช่วง 1 เดือนนี้ จึงเห็นผล และทางกระทรวงพลังงานเชื่อว่า สถานการณ์ในตะวันออกกลางจะไม่รุนแรงไปมากกว่านี้และยังเตรียมเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไว้รองรับช่วยดูแลราคาน้ำมันในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกต่ำกว่า 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล 


สำหรับมาตรการดูแลหากดีเซลเพิ่มสูงขึ้น กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างทำงานกับกรมสรรพสามิต 2-3 สัปดาห์เพื่อดูแลช่วยเหลือเรื่องภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และร่วมมือกับผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 โดยสมัครใจ ในการผลิตน้ำมันดีเซลเกรดพิเศษ B20 ขายราคาถูกกว่าดีเซลปกติลิตรละ 3 บาท โดยใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 3,000 บาทสนับสนุน คาดว่าจะเริ่มมีจำหน่ายปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นกรกฎาคมนี้ กลุ่มเป้าหมาย คือ ภาคขนส่งที่มีรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ให้เข้ามาใช้ ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มผู้ประกอบการที่มีรถขนาดใหญ่สนใจ 30 ราย มีรถที่สามารถใช้น้ำมันดีเซลเกรดพิเศษ B20 รวม 880,000 คัน ซึ่งหวังว่าจะเริ่มต้นด้วยรถที่ใช้ B20 ที่ร้อยละ 10 ก่อนในช่วง 6 เดือน ส่วนจะครบทั้งหมดเมื่อใดจะพิจารณาผลการดำเนินการต่อไป ส่วนรถทั่วไปไม่แนะนำให้เติมน้ำมันดีเซล B20 ต้องเป็นรถที่ปรับเครื่องยนต์พร้อมสำหรับการเติบน้ำมัน B20 เท่านั้น มาตรการนี้ช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มได้ 400,000-500,000 ตันต่อปี ช่วยเกิดเสถียรภาพราคาปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มได้

นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันและแอลพีจีตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์ เนื่องจากปัจจัยทางการเมืองระหว่างประเทศและความหวั่นเกรงว่าเหตุการณ์ในตะวันออกกลางอาจบานปลาย ทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเพิ่มขึ้นเป็น 74.58 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และราคา LPG Cargo เพิ่มขึ้นเป็น 523 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่งผลให้ต้นทุนก๊าซแอลพีจีเพิ่มขึ้น และราคาจำหน่ายปลีกมีแนวโน้มที่จะเกินกว่าราคาแนะนำแอลพีจีภาคครัวเรือนขนาด 15 กิโลกรัม ที่กรมการค้าภายในประกาศควบคุมอยู่ที่ราคาถังละ 353 บาท ดังนั้น เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนจากการปรับเพิ่มขึ้นของต้นทุนก๊าซแอลพีจี กระทรวงพลังงานจะติดตามสถานการณ์อีก 1 สัปดาห์ เพื่อเตรียมการประสานกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อบริหารราคาจำหน่ายก๊าซหุงต้มให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไป และห้ามไม่ให้มีการจำหน่ายก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือนเกินราคาจำหน่ายปลีกที่กรมการค้าภายในกำหนด

นอกจากนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากสถานีบริการที่มีต้นทุนและราคาหน้าสถานีที่ต่ำ สนพ.จึงขอความร่วมมือผู้ค้าทุกรายไม่ให้มีพฤติกรรมชี้นำตลาดที่อาจนำมาสู่การจำกัดหรือลดการแข่งขัน ซึ่งภาครัฐจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและคาดว่ากลไกการแข่งขันด้านราคาในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันจะสะท้อนการแข่งขันด้านราคาโดยตรงที่โปร่งใสและเป็นธรรมมากขึ้น.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร