สน.สายไหม 5 พ.ค.- “หนังคนละม้วน” ตำรวจ สน.สายไหมยันทำคดีตามหลักฐานไม่มีซ้อมให้รับสารภาพร่วมฆ่าคนตาย ขณะที่ผู้ต้องหา แย้งถูกทั้งตบใบหน้า กกหู ท้ายทอยจนกระเด็นตกจากเก้าอี้ให้ยอมรับผิด
พ.ต.อ.ทนงศิลป์ มณีโชติ ผกก.สน.สายไหม และ พ.ต.ท.ประพจน์ มนุศิริ รอง ผกก.สน.สายไหม ร่วมกันแถลงกรณีแม่ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่า แชร์ภาพในโซเชียลมีเดียขอความเป็นธรรมอ้างว่า ลูกชายถูกตำรวจซ้อมให้รับสารภาพ นั้น ก็อยากขอความเป็นธรรมให้กับตำรวจในคดีนี้ด้วย ยืนยันเจ้าหน้าที่ทำคดีตามพยานหลักฐาน มีการขอหมายศาลออกหมายจับ ไม่มีการทำร้ายร่างกายตามที่แม่ผู้ต้องหากล่าวอ้างพร้อมโชว์หลักฐานภาพถ่ายนายพงศธร พุ่มราตรี หรือ เอ็ม ผู้ต้องหา ที่ถูกดำเนินคดีข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพกพาอาวุธปืน ขณะทำทะเบียนประวัติก็ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย คดีนี้เกิดขึ้นช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันในซอยพหลโยธิน 54/1 จึงไปตรวจสอบพบนายเอ็มอยู่ในที่เกิดเหตุจึงควบคุมตัวมาสอบสวน โดยนายเอ็ม ปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า นายเอ็มอยู่กับนายเอกชัย ยินดีวงศ์ หรือนายซิ่ง ผู้ต้องหาอีกคน จึงควบคุมตัวเข้าห้องขัง ก่อนจะนำตัวมาสอบปากคำต่อหน้ารองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ในช่วงสายของวันรุ่งขึ้น (29 เ.ย.)โดยพบว่าขัดแย้งกับที่แม่ของนายเอ็มโพสต์ว่าถูกตำรวจทำร้ายในช่วงเวลา 05.00 น.ของวันที่ 29 เมษายน ขอยืนยันว่าสอบสวนผู้ต้องหาตามปกติ ปฎิบัติตามกฎหมายและไม่มีการซ้อมหรือทำร้ายร่างกายตามที่แม่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง การกระทำของแม่ผู้ต้องหา ทำให้ตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ได้รับความเสียหาย ถือว่าทำลายชื่อเสียงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเป็นต้องดำเนินคดีกับผู้โพสต์ข้อความ ในข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จ และความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว นายพงศธรและแม่มาร่วมรับฟังการแถลงข่าว พร้อมขอความเป็นธรรมกับสื่อเช่นกัน โดยระบุว่าถูกพันตำรวจโทประพจน์ ทำร้ายร่างกายจริง โดยตบเข้าที่ใบหน้า กกหูท้ายทอยและต้นแขนจนกระเด็นตกจากเก้าอี้ ก่อนจะใช้รองเท้าแตะมาตบซ้ำ บังคับให้รับสารภาพว่าร่วมกระทำความผิด ทั้งที่ไม่มีส่วนรู้เห็น วันเกิดเหตุแค่ไปช่วยนายซิ่ง ผู้ต้องหาถอยรถยนต์เท่านั้น ไม่ได้มาพร้อมนายซิ่ง ตามที่ถูกกล่าวหา เพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ จะไปขอดูภาพเหตุการณ์ในกล้องวงจรปิดจาก กทม.หากพบว่า ตนไม่ได้มาพร้อมผู้ต้องหาและไม่ได้มีส่วนรู้เห็นจริง ขอให้ ผกก.และรอง ผกก. สน.สายไหม ลาออกจากราชการ เพื่อรับผิดชอบกับสิ่งที่กล่าวหาตนด้วย
ขณะที่แม่ของนายพงศธร เสริมว่า ไม่กลัวหากตำรวจจะแจ้งความดำเนินคดีกลับกรณีตนโพสต์บนโซเชียลมีเดีย เพราะสิ่งที่โพสต์คือข้อเท็จจริงทั้งหมด
ด้าน ผกก.สน.สายไหม ได้ชี้แจงกับผู้ต้องหาและแม่ว่าพร้อมให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและหากมีหลักฐานเพิ่มเติมขอให้นำข้อมูลเข้ามาอยู่ในสำนวนคดี ยืนยันว่าตำรวจพร้อมให้ความเป็นธรรม.-สำนักข่าวไทย
