พม.30เม.ย.-กรมกิจการสตรีฯ แนะแรงงานสตรี ไม่ถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ นอกจาก กม.คุ้มครองแรงงาน ยังมี พ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2528 คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิอีก 1 ฉบับ หลังพบแม้สตรีจะมีบทบาทเกือบทุกอาชีพแต่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมด้วยเหตุแห่งเพศอยู่ ทั้งถูกเลิกจ้างเพราะตั้งครรภ์ หรือกีดกันไม่ให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวฝากถึงแรงงานทุกคน โดยเฉพาะแรงงานสตรีหรือสตรีทำงาน เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปี ว่า แรงงานสตรีต้องไม่ถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ เพราะแรงงานสตรีไม่ใช่มีเพียงแค่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานเท่านั้น แต่ยังมี พ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิด้วยอีก 1ฉบับ
นายเลิศปัญญา กล่าวว่าปัจจุบันสตรีมีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมในทุกบริบทของสังคม โดยเฉพาะในภาคเศรษฐกิจจะเห็นว่าแรงงานสตรีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเกือบทุกสาขาอาชีพแต่ด้วยความแตกต่างทางสรีระระหว่างแรงงานเพศชายกับแรงงานเพศหญิงเกี่ยวกับความแข็งแรงและการมีครรภ์ของเพศหญิง รัฐบาลจึงออกกฎหมายคุ้มครองแรงงานหญิงเป็นกรณีพิเศษขึ้น เพื่อมิให้ทำงานหนักเกินกำลังและมีความปลอดภัยในการทำงานอีกด้วยแต่ในความเป็นจริงจากที่เห็นข่าวสารตามช่องทางต่างๆก็ยังเห็นแรงงานสตรีได้รับความไม่เป็นธรรมด้วยเหตุแห่งเพศอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นการถูกเลิกจ้างเพราะตั้งครรภ์ ถูกกีดกันไม่ให้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นหรือการถูกจำกัดสิทธิจนไม่สามารถสมัครงานได้ เนื่องจากประกาศรับสมัครงานเฉพาะเพศชาย ซึ่งเหล่านี้ถือว่าผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558 หากเข้าสู่กระบวนการของกฎหมาย และคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (วลพ.)วินิจฉัยพบว่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ ก็จะได้รับเงินเยียวยาจากกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศได้อีกด้วย
นายเลิศปัญญา กล่าวต่อไปว่า นอกจากกฎหมายที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในที่ทำงาน ซึ่ง ครม.มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่16 มิ.ย.2558 หากเกิดการกระทำใดๆ หรือพฤติกรรมที่ส่อไปในทางเพศที่เป็นการบังคับ ใช้อำนาจที่ไม่พึงปรารถนาด้วยวาจา ข้อความ ท่าทาง แสดงด้วยเสียง รูปภาพ เอกสาร ข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์หรือสิ่งของลามกอนาจารเกี่ยวกับเพศ หรือกระทำอย่างอื่นในทำนองเดียวกัน โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนรำคาญ ได้รับความอับอายหรือรู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม และให้หมายรวมถึงการติดตามรังควาน หรือการกระทำการใดที่ก่อให้เกิดบรรยากาศไม่ปลอดภัยทางเพศ โดยเฉพาะจากการสร้างเงื่อนไข ซึ่งมีผลต่อ การจ้างงาน สรรหาหรือการแต่งตั้ง หรือผลกระทบอื่นใดต่อผู้เสียหายทั้งในหน่วยงานของรัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันการศึกษา ก็สามารถร้องเรียนไปได้ที่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว(สค.)และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ภายในเวลาราชการ หรือติดต่อศูนย์ช่วยเหลือสังคม โทร 1300 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง” .-สำนักข่าวไทย