รังสิต 25 เม.ย.- รมว.แรงงาน ให้กำลังใจแรงงานไทยที่ผ่านการทดสอบไปทำงานที่เกาหลี กว่า 6,000 คน โดยปีนี้ได้โควต้าเพิ่มจาก 5,000 คนเป็น 7,000 คน คาดสร้างรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยนายอิมมันกิว กงสุลใหญ่ สถานเอกอัครทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยและนายคังเบียงเพียว เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย และคณะผู้บริหาระดับสูงของกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการรับรายงานตัวแรงงานที่ผ่านการทดสอบภาษาเกาหลีและตรวจเยี่ยมการจัดทำทะเบียนประวัติอาชญากรรม ของสำนัก งาน ตำรวจแห่งชาติ ณ ศูนย์การค้าเซียร์รังสิต บริเวณ The Hub ชั้น 3
รมว.แรงงาน กล่าวว่า ขณะนี้มีแรงงานไทยทำงานต่างประเทศทั้งหมดราว 4 แสนคน ซึ่งปีนี้รัฐบาลมีเเผนส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศอีก 40,000คน ในส่วนของเกาหลีปีนี้ส่งไปทั้งหมด7,000 คนจากเดิมที่ผ่านมามีโควตาเพียง 5,000คน เนื่องจากทางเกาหลีมองว่าแรงงานไทยมีประสิทธิภาพ มีทักษะฝีมือ จึงเพิ่มโควตา ซึ่งวันนี้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแรงงานไทยที่ผ่านการทดสอบภาษาเกาหลี ทักษะการทำงานที่มารายตัวและจัดทำทะเบียนประวัติอาชญากรรมจำนวน 6,123 คน หลังกรมการจัดหางาน เปิดรับสมัครแรงงานไทยเพื่อไปทำงานภาคอุตสาหกรรม ที่เกาหลี ไปเมื่อวันที่ 2-4 ก.พ.ที่ผ่านมาและมีผู้สมัครรวมทั้งสิ้น 17,677 คน
สำหรับแรงงานไทย 6,123 คนที่ผ่านคัดเลือกนี้ เป็นแรงงานที่มีความพร้อมให้นายจ้างเกาหลีคัดเลือกไปทำงาน ซึ่งจะเริ่มคัดเลือกระหว่างวันที่ 30 เม.ย. –10 พ.ค.2561 จำนวนประมาณ 1,700 คน กรมการจัดหางานจึงเร่งดำเนินการรับรายงานตัวฯ เพื่อให้ทันต่อการคัดเลือกแรงงานดังกล่าว ซึ่งสามารถรับรายงานตัวได้เฉลี่ยวันละ1,200 คน และในช่วงเดือน มิ.ย.จะประกาศรับสมัครเพิ่มอีก 1,788 คนเพื่อให้ครบโครวตา 7,000 คน ซึ่งหากได้ทำงานจะมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 48,000–51,000 บาท (1,352,230 – 1,701,780 วอนต่อเดือน) มีการส่งเงินรายได้เข้าประเทศไม่น้อยกว่าปีละ 2,520 ล้านบาท และได้รับการจ้างงานเป็นระยะเวลา 4 ปี 10 เดือน และต่อสัญญาจ้างได้อีกไม่เกิน 4 ปี 10 เดือน
อย่างไรก็ตามแม้ที่ผ่านมาจะมีการลักลอบไปทำงานที่เกาหลีแบบผิดกฎหมายกว่า 50,000 คน แต่ยืนยันไม่กระทบโครวตาแรงงานถูกกฎหมายแน่นอน โดยขอความร่วมมือแรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศควรไปแบบถูกกฎหมายเพื่อป้องกันการถูกหลอกจากนายหน้าและถูกจับกุม ซึ่งจะไม่สามาถเข้าไปในประเทศนั้นๆได้อีก.-สำนักข่าวไทย