ธปท. 23 เม.ย. – คลินิกแก้หนี้ปรับเกณฑ์เปิดรับลูกหนี้ที่ค้างชำระก่อน 1 เม.ย.61 หวังช่วยลูกหนี้เพิ่ม 50,000 ราย หลัง 10 เดือน มีผู้เข้าร่วมโครงการ 594 ราย
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) และธนาคารพาณิชย์ทั้งไทยและต่างประเทศ 16 แห่ง ร่วมกันดำเนินโครงการคลินิกแก้หนี้ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ที่สุจริตและมีความตั้งใจตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2560 ปรากฎว่า มีลูกหนี้บางส่วนติดขัดเรื่องคุณสมบัติบางประการ ทำให้เสียโอกาสเข้าร่วมโครงการ
ดังนั้น จึงมีการปรับหลักเกณฑ์เงื่อนไขตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป โดยจะขยายขอบเขตเพิ่มให้ครอบคลุมถึงลูกหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่ประกันค้างชำระเกินกว่า 3 เดือนกับธนาคารตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไป ก่อนวันที่ 1 เมษายน 2561 ทั้งกลุ่มที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีและกลุ่มที่ถูกดำเนินคดีแล้ว แต่ยังไม่มีคำพิพากษา จากเดิมเมื่อเริ่มต้นโครงการกำหนดเฉพาะลูกหนี้ที่มีรายได้ประจำ ค้างชำระเกินกว่า 3 เดือนก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 และยังไม่ถูกดำเนินคดี คาดว่าจะมีลูกหนี้ที่สามารถเข้าโครงการเพิ่มขึ้นประมาณ 50,000 ราย เฉลี่ยรายละ 400,000 บาท รวมมูลหนี้ 20,000 ล้านบาท
สำหรับข้อกำหนดอื่น คือ ต้องมีอายุไม่เกิน 65ปี มียอดหนี้เงินต้นค้างชำระรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท และเงื่อนไขเต็มใจจะไม่ก่อหนี้เพิ่มใน 5 ปี พร้อมทั้งเรียนรู้การสร้างวินัยทางการเงินที่ดี ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2561 ได้มีการปรับคุณสมบัติจากเดิมที่จะต้องเป็นบุคคลธรรมดามีเงินเดือนประจำมาเป็นบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ รวมถึงปรับหลักเกณฑ์การพิจารณาความสามารถการชำระหนี้ให้ยืดหยุ่นขึ้น
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ประธานกรรมการ BAM กล่าวว่า ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมามีผู้สมัครเข้าโครงการ 33,736 ราย ผ่านคุณสมบัติ 1,074 ราย มีผู้ที่เข้าร่วมโครงการจริง 594 รวมยอดหนี้ที่ปรับโครงสร้างหนี้แล้ว129.65 ล้านบาท และสิ้นเดือนเมษายนนี้จะมีลูกหนี้ที่ผ่อนชำระเสร็จสิ้นเป็นรายแรก
นางผ่องเพ็ญ กล่าวว่า ในช่วงแรกมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกันมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการประมาณร้อยละ 20 หรือประมาณ 7,000 คน จากผู้สมัคร 33,376 คน เป็นหนี้กับนอนแบงก์ และประมาณร้อยละ 70 มีการผ่อนชำระขั้นต่ำ ซึ่งไม่เข้าหลักเกณฑ์เข้าร่วมโครงการ และเมื่อผ่านกระบวนการคัดกรองและจัดโปรแกรมการชำระหนี้ พบว่าลูกหนี้ไม่สามารถผ่อนชำระได้ เนื่องจากลูกหนี้ต้องเจียดเงินเพื่อผ่อนชำระหนี้กับนอนแบงก์ด้วย ทำให้มีลูกหนี้ออกจากโครงการประมาณร้อยละ 5 หรือ 30 ราย สำหรับผู้สมัครเข้าร่วมโครงการมีมูลหนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 230,000 บาทต่อราย มีเจ้าหนี้เฉลี่ย 3 ราย
นางฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขพ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ เพื่อขยายขอบเขตให้สามารถบริหารหนี้เสียที่เกิดกับนอนแบงก์ได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งจะเป็นการช่วยลูกหนี้นอนแบงก์ได้ครอบคลุมมากขึ้น ผู้สนใจสามารถติดต่อเข้าโครงการ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด โทรศัพท์ 0-2610-2266 หรือสมัครเว็บไซต์ www.debtclinicbysam.com หรือ www.คลินิกแก้หนี้.com .-สำนักข่าวไทย