กทม. 20เม.ย.- ประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา เผยการใช้งบอุดหนุนจากรัฐ เป็นช่องโหว่ให้เกิดการทุจริตเงินทอนวัด เชื่อการพบรายชื่อพระชั้นผู้ใหญ่เอี่ยวทุจริต ไม่ส่งผลต่อความเลื่อมใสศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนา
พระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร ในฐานะประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีปรากฏรายชื่อพระชั้นผู้ใหญ่ เอี่ยวทุจริตเงินทอน วัดลอต 3 มองว่าขอให้เป็นเรื่องของกระบวนสืบสวน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนการร้องทุกข์กล่าวโทษกับพระชั้นผู้ใหญ่ จำเป็นต้องแจ้งให้มหาเถรสมาคม (มส.) ทราบก่อน ที่จะยืนเรื่องให้กับ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(ปปป.) หรือไม่นั้น ต้องดูอำนาจของ พศ.ว่า สามารถดำเนินการได้เองหรือไม่ เชื่อ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คงมีข้อมูลบางส่วนแล้ว ถึงได้ดำเนินการเช่นนี้
พระธรรมกิตติเมธี กล่าวอีกว่า ส่วนรูปแบบการใช้เงินอุดหนุนจากภาครัฐของแต่ละวัดนั้น สามารถโยกย้ายงบเพื่อทำประโยชน์ต่อส่วนรวมได้ เช่น หากนำเงินอุดหนุนการศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม มาใช้บูรณะปฏิสังขรณ์ สถานที่ต่างๆ ภายในวัดก่อน แต่ต้องนำเงินนั้นกลับมาคืนให้ครบถ้วน ถือว่าไม่มีความผิด เพราะไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน ทั้งนี้อาจเป็นช่องโหว่ของกฎระเบียบข้อบังคับในการใช้งบ ที่ทำให้เกิดการทุจริตได้ หากไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ ก็ต้องไม่รับเงินจากรัฐ ซึ่งเป็นไปได้ยาก
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจกันบ้างระหว่างพระสงฆ์กับฆราวาส อย่างน้อยๆ ก็ลูกศิษย์ของพระชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 3 รูป
ต้องไม่พอใจแน่นอนแต่เชื่อว่าไม่ส่งผลต่อความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ที่มีต่อพระพุทธศาสนา” พระธรรมกิตติเมธี กล่าว .-สำนักข่าวไทย