กรุงเทพฯ 3 เม.ย. – สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ มั่นใจเป้าส่งออกทั้งปีโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6 พร้อมแนะจับตาสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ที่อาจส่งผลกระทบหลายด้าน
น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออก) หรือ สรท. กล่าวว่า ภาพรวมการส่งออกของไทยในไตรมาสแรกของปี 2561 ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกและความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากเงินบาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่า ภาวะตลาดหุ้นยังผันผวน ภาวะขาดแคลนอุปทานในภาคสินค้าเกษตรในบางกลุ่มและปัจจัยลบจาก นโนบายการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศที่มีความรุนแรงขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคการค้าในระยะต่อไป
ส่วนสถานการณ์ค่าเงินบาทในเดือนมี.ค. ยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.1-31.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง สรท.คาดการณ์ว่าค่าเงินในปี 2561 นี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 31.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้เป็นการแข็งค่าขึ้นจากช่วงเดือน ก.พ. ปัจจุบัน ณ วันที่ 2 เม.ย. นี้ ส่วนความเคลื่อนไหวอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 31.17 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นมา 3.4% หรือมากกว่า 12% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินของคู่ค้าและคู่แข่งขันทางการค้าสำคัญของไทย ในขณะที่ค่าเงินสกุลเอเชียส่วนใหญ่แข็งค่าไปในทิศทางทางเดียวกันกับภูมิภาค
ทั้งนี้ภาพรวมการส่งออกในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ปี 2561 ที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลักที่ประมาณ 10.3% หรือมีมูลค่า 20,365 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน การส่งออกในรูปแบบเงินบาทเท่ากับ 643,706 ล้านบาท ลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยการนำเข้าในเดือน ม.ค. มีมูลค่า 19,557 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 16% การนำเข้าในรูปแบบเงินบาท มีมูลค่า 626,231 ล้านบาท ขยายตัว 4.7% อย่างไรก็ตามในปี 2561 นี้ สรท.ยังคงเป้าอัตราการเติบโตการส่งออกอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 6%
ส่วนความขัดแย้งเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ที่อาจนำไปสู่สงครามการค้า ที่อาจมีมาตรการกีดกันการค้า กำแพงภาษีระหว่างกัน ซึ่งเรื่องนี้จะมีผลกระทบทั้งในด้านบวกและลบโดยในด้านบวกทั้งสหรัฐและจีนก็จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นทดแทนสินค้าระหว่างกัน ซึ่งก็จะทำให้สินค้าของไทยได้รับอานิสงส์ในส่วนนี้ แต่ในขณะเดียวกันทั้งสหรัฐและจีนก็จะหาตลาดส่งออกทดแทน สินค้าของตนเอง ซึ่งก็จะทำให้สินค้าจากทั้งจีนและสหรัฐทะลักเข้ามาในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น ทำให้การแข่งขันค่อนข้างรุนแรงดังนั้นผู้ส่งออก จำเป็นต้องจับตาและดูผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าครั้งนี้อย่างใกล้ชิด – สำนักข่าวไทย