กรุงเทพฯ 27 มี.ค. – ประธานสหพัฒน์ยืนยันไม่ปรับขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภค หลังรัฐประกาศขึ้นค่าแรง 1 เม.ย.นี้ แนะเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการกระตุ้นกำลังซื้อ พร้อมชู 3 กลยุทธ์บุกตลาดปี 61 ตั้งเป้าคว้ายอดขาย 34,240 ล้านบาท กำไร 2,000 ล้านบาท
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) มองภาพรวมเศรษฐกิจไตรมาสแรกอาจจะสู้ไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้วไม่ได้ เนื่องจากมีแรงสนับสนุนจากมาตรการรัฐ ผ่านโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ หากรัฐบาลเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐน่าจะทำให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น หากดูในส่วนของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศที่ผ่านมาไม่เติบโตมากอาจจะติดลบบ้าง เนื่องจากกำลังซื้อประชาชนยังไม่เต็มที่ ดังนั้น ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะหามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน และตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไปการปรับขึ้นค่าแรง ทางกลุ่มสหพัฒน์ทั้งหมดมีนโยบายชัดเจนไม่ปรับขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภคทุกกลุ่มแต่อย่างใด แต่กังวลสินค้าอาหาร เช่น ก๋วยเตี๋ยว 50 อาจขึ้นเป็น 60 บาท ถือว่าไม่ดีนัก ทำให้ประชาชนรู้สึกกว่าเมื่อขึ้นค่าจ้างทำให้ราคาสินค้าปรับขึ้น ซึ่งภาครัฐต้องหาทางป้องกันไม่ให้ราคาสินค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม สหพัฒน์คาดการณ์ว่าทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2561 จะมีแนวโน้มดีขึ้น อีกทั้งนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของประชาชน อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถือว่ารัฐทำโครงการนี้ประสบผลสำเร็จ แต่ภาครัฐจะต้องเร่งติดตั้งเครื่องรูดบัตรตามร้านต่าง ๆ ให้ทั่วถึงและมากขึ้น เพื่อให้บริการประชาชน รวมทั้งสถานการณ์การซื้อสินค้าออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้สพัฒน์ตั้งเป้าหมายว่าปีนี้จะเติบโตจากปีที่ผ่านมา คาดว่าจะมียอดขาย 34,240 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 และมีกำไร 2,000 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์การตลาดที่ให้ความสำคัญปีนี้ คือ การจับมือกับคู่ค้าเปิดตัวสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เสริมความสัมพันธ์กับ Strategic Partners ผ่านโครงการคู่ค้าพันธมิตร โดยตั้งเป้าหมายการขายร่วมกัน และเน้นการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ โดยให้ความสำคัญช่องทาง B2B และ B2C ของบริษัทมากขึ้น ส่วนกิจกรรมเพื่อสังคมและโครงการประชารัฐ ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผลการดำเนินงานปี 2560 อยู่ในระดับที่น่าพอใจ มียอดขาย 31,360 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 4 มีกำไร 1,444 ล้านบาท ซึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการบริหารระบบขนส่งสินค้าและคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้มาก ขณะเดียวกันสินค้าหลายแบรนด์มีอัตราการเติบโตที่ดี อาทิ น้ำแร่มองต์เฟลอ น้ำตาลมิตรผล และผงซักฟอกเปา ซึ่งไลอ้อน (ประเทศไทย) ได้เปิดตัวโรงงานใหม่ Green Building ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลให้สหพัฒน์มีสินค้าจำหน่ายมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ได้แก่ กะทิพร้าวหอม, Project Beyond ซึ่งเป็นร้าน Multi-brand ที่ได้แบรนด์ชั้นนำจากอเมริกาอย่าง Under Armour มาเป็นไฮไลต์ ร่วมด้วยแบรนด์ดังอื่น ๆ ได้แก่ Converse, Mizuno และ Crocs ซึ่งล้วนได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้บริโภค, สินค้าในกลุ่ม Sea snack อาทิ แก้มกุ้งทอดกรอบปรุงรส รวมทั้งมาม่าโจ๊กต้มยำกุ้ง, มาม่าข้าวต้มหมูกระเทียมพริกไทย, มาม่ากะเพราแซ่บแห้ง, มาม่าคาโบนาร่า, โมรินางะ ลูกอมชิวชิวบอล (Chew Chew Ball) และ Under Armour Kids อีกด้วย.-สำนักข่าวไทย