กรุงเทพฯ 15 มี.ค.- กองปราบทำหนังสือตรวจสอบสถานะหมวดโค๊ก ก่อนส่งเรื่องให้ ปปท.ดำเนินคดี ด้านเจ้าตัวเครียดหนักไม่ไปทำงานที่ สน.ประเวศ แต่อย่างใด
พันตำรวจเอกสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกับร้อยตำรวจโทสมประสงค์ ปสาทรัตน์ รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลประเวศ หลังถูกนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาขญากรรม แจ้งความดำเนินคดี ในข้อหาเป็นเจ้าหนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 หลังเป็นผู้นำสำนวน ในคดียักยอกสลาก 30 ล้านบาท วัดลาดบัวขาว งวดวันที่ 1 เมษายน 2559 ระหว่างนางเรวดี หาแก้ว หรือป้าติ้น กับนางสุดารัตน์ น้อยนิตย์ หรือป้าดา ไปให้กับป้าติ้นซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในคดี โดยหลังจากการรับแจ้งความและสอบปากคำนายอัจฉริยะแล้ว วันนี้กองปราบจะทำหนังสือไปที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 เพื่อตรวจสอบสถานะของผู้ร้อง ก่อนจะเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ปปท.ไปดำเนินการ เพราะตัวของผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐ จึงเป็นอำนาจของ ปปท.ในการตรวจสอบ
พันตำรวจเอกธวัช วงษ์สง่า รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 กล่าวว่า จะเน้นไปที่การตรวจสอบการปฎิบัติหน้าที่ของหมวดโค๊กเป็นหลัก ว่ามีความบกพร่องหรือความเหมาะสม รวมถึงกระทำความผิดตามที่ถูกร้องหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง และบางเรื่องต้องใช้เวลา เช่นเดียวกับการติดตามพยานที่จะให้ถ้อยคำรายละเอียดของการได้มาซึ่งเอกสารลับทางราชการมาสอบปากคำ รวมถึงพยานคนอื่นๆที่รู้เห็นและมีส่วนเกี่ยวข้องในพฤติการณ์ด้วย ส่วนตัวของป้าติ้นที่ออกมาให้สัมภาษณ์ตามสื่อมวลชนที่ไม่ตรงกันเรื่องการได้มาของเอกสารนั้น เรื่องนี้จะต้องมีการพิสูจน์และสอบปากคำยืนยันคำให้การซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้และตำรวจกำลังพยายามติดตามอยู่
ด้านพลตำรวจตรีธีระพงษ์ วงศ์รัฐพิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 กล่าวว่า ตัวเองส่งหนังสือให้ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลประเวศ ส่งตัวร้อยตำรวจโทสมประสงค์ มาให้กรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงสอบปากคำ เบื้องต้นยังไม่ได้รับหนังสือชี้แจงแต่มีการพูดคุยทางวาจาโดยเจ้าตัวบอกว่าไม่ได้ให้เอกสารไปโดยตรง แต่ป้าติ้นเป็นผู้เอาไประหว่างที่ไปทำธุระข้างนอก แต่รายละเอียดทั้งหมดนั้นยังไม่ได้ลงลึกเพราะยังไม่ได้เจอตัว
ขณะที่พฤติกรรมความสนิทสนมของหมวดโค๊กกับป้าติ้นนั้น เชื่อว่าน่าจะรู้จักกันหลังแจ้งความดำเนินคดี ไม่น่าจะคุ้นเคยกันก่อน ส่วนการไปทานอาหารกันระหว่างตำรวจที่ทำคดีกับคู่ความนั้นต้องดูในรายละเอียดว่าไปกินข้าวกันกี่ครั้ง ซึ่งพฤติการณ์ลักษณะนี้ไม่เหมาะสม ต้องประพฤติตัวให้ดีหน่อย
นอกเหนือจากนั้นยังมีรายงานข่าวร้อยตำรวจโทสมประสงค์ มีอาการเครียดจากการถูกตั้งกรรมการสอบสวน เนื่องจากเป็นตำรวจที่เพิ่งจบใหม่ และยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน อาจทำให้ขาดวุฒิภาวะในการทำหน้าที่ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ไปปฎิบัติหน้าที่ที่สถานีตำรวจนครบาลประเวศแต่อย่างใด.-สำนัข่าวไทย