ศูนย์บริการประชาชน 15 มี.ค.- กลุ่มธรรมาภิบาลยื่นหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบ “พล.อ.สุรเชษฐ์” กรณีโครงการจัดซื้อและติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในโรงเรียนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังพบปล่อยให้มีการจัดซื้อไม่ถูกต้อง-ส่อทุจริต และครูถูกข่มขู่แทรกแซงจากทหารคนสนิท
นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ประธานกลุ่มธรรมาภิบาล ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล ให้ตรวจสอบ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จากกรณีโครงการจัดซื้อและติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในโรงเรียนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ Safe Zone School ใน 12 เขตพื้นที่การศึกษา วงเงินประมาณ 577 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ระหว่างปี 2558-2560 ที่พบว่ามีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า คณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างและคณะกรรมการตรวจรับงานฝ่ายครู ได้ถูกทหาร (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) ที่เป็นกรรมการจัดซื้อจัดจ้างร่วม ข่มขู่แทรกแซงให้คณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างและคณะกรรมการตรวจรับงานฝ่ายครู เลือก 4 บริษัท ที่อ้างว่ามีผู้ใหญ่จากทางรัฐบาลสั่งมา โดยหลังจากการติดตั้งกล้อง พบว่าระบบไม่ตรงตามสเปค และกล้องที่ได้มีการติดตั้งชำรุดใช้งานไม่ได้กว่าร้อยละ 90 ส่งผลกระทบต่อครูที่เป็นกรรมการจัดซื้อจัดจ้างและกรรมการตรวจรับกว่า 1,000 คน ถูกดำเนินคดีอาญาฐานกระทำทุจริต และถูกย้ายออกจากพื้นที่โดยไม่ได้รับความเป็นธรรม นอกจากนี้ ยังพบว่าหนึ่งในทหารที่มีพฤติการณ์ชี้นำ ข่มขู่ครู เป็นทหารคนสนิท ของ พล.อ.สุรเชษฐ์
“จึงขอให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบว่า พล.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลโครงการนี้ และได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มธรรมาภิบาลมาโดยตลอด ว่ามีการทุจริต ปล่อยปะละเลย ไม่ควบคุมกำกับดูแล จนทำให้เกิดปัญหาบานปลาย ทุจริตคอรัปชั่นหรือไม่ และขอให้ตรวจสอบการแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่าดำเนินการถูกต้องตามระเบียบแบบแผนหรือไม่ พร้อมทั้งตรวจสอบกลุ่มนายทหารที่แอบอ้างผู้ใหญ่ในรัฐบาล และไปข่มขู่ แทรกแซงครูทั้งหมด ว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ หากพบให้นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้ง คืนความเป็นธรรมแก่ครูที่ถูกโยกย้ายออกจากพื้นที่ให้กลับเข้าพื้นที่ดังเดิมด้วย” นาวิวัฒน์ กล่าว .- สำนักข่าวไทย