สะพานขาว 14 มี.ค.-พส.พบทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่งเพิ่มอีก21ศูนย์ สั่งย้าย 16 ศูนย์ ตั้งคกก.สอบวินัยร้ายแรงสัปดาห์หน้า ทราบผลชัดเจน ผอ.ศูนย์ขอนแก่นและเชียงใหม่ ทุจริตหรือไม่สิ้นเดือนมี.ค.นี้ พร้อมเปลี่ยนหลักเกณฑ์การจ่ายเงินลดการจ่ายเงินสด
นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แถลงความคืบหน้าผลการตรวจสอบการทุจริตเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง งบประมาณ ประจำปี พ.ศ.2560 ว่า พส.ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงคู่ขนานไปกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ขณะนี้ตรวจสอบไปแล้ว 56 แห่ง ไม่พบการทุจริต จำนวน 4 แห่ง คือศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.สมุทรสงคราม จ.สิงห์บุรี จ.ภูเก็ต และจ.นครศรีธรรมราช และอีก 31 แห่งอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ
ทั้งนี้พบความผิดจำนวน 21 แห่ง โดยได้สั่งย้ายระดับหัวหน้าศูนย์ฯจำนวน16 แห่งเข้ามายังส่วนกลางแล้ว พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงภายในต้นสัปดาห์หน้า อาทิ หัวหน้าศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.บึงกาฬ จ.สุราษธานี จ.พัทลุงและ จ.ยะลา แต่ยังไม่ฟันธงว่าผิด เนื่องจากต้องสอบข้อเท็จจริงก่อน ว่าช่วงเวลาปี 2560 เป็นผู้บริหารคนใด แต่การสั่งย้ายเพื่อเป็นการเปิดทางในการสอบสวนข้อเท็จจริง
ส่วนที่เหลืออีก 5 แห่ง พบว่าเกษียณ อาทิ จ.สุราษฎร์ธานี จ.พัทลุง และลาออกจากราชการ คือ จ.เชียงใหม่ ซึ่งสามารถเรียกสอบได้เช่นกัน โดยแจ้งเจ้าตัวรับทราบแล้ว โดยอยู่ระหว่างดำเนินการสอบข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ศูนย์คุ้มครองจ.ขอนแก่น ที่อยู่ระหว่างสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้ ผอ.ศูนย์ได้ขอขยายเวลาในการหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมมาชี้แจง เพื่อหักล้างข้อกล่าวหา ต่อคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ตามระเบียบที่สามารถทำได้ คาดว่าสิ้นเดือนมีนาคมจะมีความชัดเจน เช่นเดียวกับศูนย์คุ้มครองจ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ จะลงไปสอบซ้ำรอบ2 คือจ.พระนครศรีอยุธยาและอ่างทองที่ตรวจครั้งแรกไม่พบมูลความผิด ซึ่งไม่ตรงกับป.ป.ท. เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและเกิดความชัดเจนมากที่สุด
นางนภา กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ได้สั่งการให้ทำงานคู่ขนานไปกับป.ป.ท.เพื่อให้การดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน จะทำให้การทำงานรวดเร็วและชัดเจน โดยกระทรวง พม.จะทำหนังสือถึงป.ป.ท.ในการขอข้อมูลความคืบหน้าการลงพื้นที่ตรวจสอบว่าพบการทุจริตเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นประโยชน์ในการลงพื้นที่ของพส.ต่อไป
สำหรับศูนย์จ.นครพนม ที่พบข้อมูลว่า ชาวบ้านได้อัดคลิปวิดีโอส่งป.ป.ท. มีเจ้าหน้าที่แจ้งกับชาวบ้านให้บอกข้อมูลกับป.ป.ท.ว่าได้รับเงินครบทุกบาททุกสตางค์นั้น ต้องรอการสอบจากป.ป.ท.หากมีความผิดชัดเจน พ.ส.สามารถสั่งย้ายได้ทันทีและตั้งคณะกรรมสอบวินัยร้ายแรง ซึ่งอยู่ระหว่างประสานข้อมูล
อย่างไรก็ตาม นับจากนี้ พส.จะกำหนดรูปแบบการจ่ายเงินให้รัดกุมขึ้น ต้องมีคณะกรรมการจัดสรรเงินลงยังศูนย์ต่างๆ โดยตั้งรองอธิบดีพส.เป็นหัวหน้าคณะ พร้อมหน่วยงานภายใน ก่อนอนุมัติทุกครั้ง คุมเข้มหลักเกณฑ์ในการพิจารณางบประมาณมากขึ้น และลงพื้นที่ตรวจสอบทุกรายชื่อที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งรายชื่อเพื่อรับเงินสงเคราะห์ ป้องกันการทุจริต และเปลี่ยนหลักเกณฑ์การจ่ายเงิน ลดการจ่ายเงินสดไปเรื่อยๆ เปลี่ยนเป็นโอนเงินเข้าบัญชี หรือเช็ค หากกรณีที่ไม่มีบัญชี จะขอความร่วมมือให้ไปเปิดบัญชี หรือ หากจำเป็นต้องจ่ายเงินสด จะไม่ให้ใส่ซอง เช่นที่ผ่านมา และต้องถ่ายรูปให้เห็นหน้าผู้รับและผู้จ่ายเงิน เป็นหลักฐาน และพส.จะลงพื้นที้เยี่ยมทุกเคสที่ได้รับเงินช่วยเหลือ เพื่อปิดช่องโหว่ในการทุจริต
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลใหม่ว่า นอกจากการทุจริตเงินศุนย์คนไร้ที่พึ่งแล้ว ยังพบการทุจริตการจ่ายเงินอุดหนุนประกอบอาชีพ ในนิคมสร้างตนเอง อีก3 แห่ง คือ นิคมสร้างตนเองควนขนุน จ.พัทลุง นิคมสร้างตนเองเทพา จ.สงขลา นิคมทานโต จ.ยะลา เป็นงบในการช่วยเหลือ การรวมกลุ่มกันเพื่อประกอบอาชีพ รวมถึง พบการทุจริตในศูนย์พัฒนาราษฎรในพื้นที่สูงจ.เชียงใหม่ด้วย โดยได้ย้ายระดับหัวหน้าศูนย์เข้ามายังส่วนกลางแล้วเพื่อตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงคู่ไปกับการทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่งแล้วเช่นกัน .-สำนักข่าวไทย