พัทยา 3 มี.ค.- รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยันกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่ามีโทษครอบคลุมไม่จำเป็นต้องแก้กฎหมาย ย้ำ “เปรมชัย” พ้นผิดทารุณกรรมสัตว์เหตุไม่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายทารุณกรรมสัตว์ ขอเวลาเจ้าหน้าที่สอบสวนความจริง ด้าน ผอ.กองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา เผยเตรียมเพิ่มโทษสูงสุด พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า จาก 5 ปี เป็น 10 ปี
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงมิติของการคุ้มครองสัตว์ป่า ว่า พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มีผลครอบคลุมสัตว์ป่าทุกชนิดที่เกิดและดำรงชีวิตอยู่ในป่าหรือในน้ำ ส่วนพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 ที่หมายถึงสัตว์ที่ปกติเลี้ยงไว้ในบ้านหรือเพื่อใช้งาน จากกรณีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ ผู้ต้องหาร่วมกันล่าสัตว์ป่า ที่ไม่ถูกตั้งข้อหาทารุณกรรมสัตว์ เนื่องจากไม่เข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ เพราะกรณีที่เกิดขึ้นคือสัตว์ป่า อย่างไรก็ตาม ขอให้มั่นใจได้ว่ากฎหมายดังกล่าวดูแลและคุ้มครองสัตว์ป่าดีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายแต่อย่างใด พร้อมย้ำว่ากรณีเสือดำถูกยิงในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทำให้เห็นถึงความตั้งใจของเหน้าที่ที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่ทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ทั้งนี้ มีคณะกรรมการติดตามผลการสอบสวนเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดแต่ขอเวลาให้เหน้าที่ดำเนินการสอบสวนตามพยานหลักฐาน ซึ่งขณะนี้เห็นถึงความเชื่อมโยงชัดเจนระหว่างผู้กระทำความผิดและเสือดำที่ตายแล้ว โดยขอขอบคุณประชาชนทุกภาคส่วนที่ช่วยกันกระตุ้นจิตสำนึกการอนุรักษ์สัตว์ป่าจากกรณีดังกล่าวมากขึ้น
ด้านนายสมเกียรติ สุนทรพิทักษ์กูล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา กล่าวว่าส่วนตัวมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยว่าจะสามารถดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่กระทำความผิดได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วง สำหรับความผิดของนายเปรมชัย หากศาลพิจารณาว่ามีความผิด ศาลจะลงโทษตามกฎหมายที่มีโทษสูงที่สุด ซึ่งตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มีโทษสูงสุดคือจำคุก 5 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการก้กฎหมายเพิ่มโทษจาก 5 ปี เป็น 10 ปี.-สำนักข่าวไทย