หัวเว่ยเขื่อ 5G จะเปลี่ยนโลก

กรุงเทพฯ 26 ก.พ. หัวเว่ย เชื่อเทคโนโลยี 5G จะขับเคลื่อนโลก รับศักราชใหม่แห่งยุคเมกะเทค


นายเจมส์ อู๋ ประธานบริหาร หัวเว่ย ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า การมาถึงของเทคโนโลยี 5G เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ายุคเมกะเทคได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว มหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 หรือพย็องชังเกมส์ ได้เห็นการโชว์ศักยภาพการใช้งานเทคโนโลยี5G เป็นครั้งแรก ด้วยการถ่ายทอดออนไลน์หรือไลฟ์สตรีมมิ่งผ่านระบบอัลตร้า HD ที่ให้ความคมชัดสูงในระดับที่สามารถเห็นรายละเอียดของหิมะและเกล็ดน้ำแข็งได้อย่างชัดเจน และมีการนำโดรนที่พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลามาคอยส่งข้อมูลถ่ายทอดสดแบบเรียลไทม์กลับมาให้เราได้รับชม แถมด้วยเทคโนโลยี VR ที่ให้ภาพพาโนรามาแบบ 360°ซึ่งพาผู้ชมไปสัมผัสกับประสบการณ์การรับชมกีฬาชนิดเกาะติดทุกขอบสนามกันอย่างเต็มอิ่ม ยิ่งไปกว่านั้น โดรนดังกล่าวยังสามารถบินร่อนขนาบเพื่อจับภาพนักกีฬาที่แล่นไปกับสโนว์บอร์ดได้ด้วย   เมืองพย็องชังจึงนับเป็นเมืองแรกของโลกที่นำเทคโนโลยี 5G มาใช้ ซึ่งเมืองนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดคังวอน ประเทศเกาหลีใต้ เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นพื้นฐานที่จะต่อยอดไปสู่การใช้งานเทคโนโลยีอื่นอีกมากมายในโลกที่เชื่อมโยงถึงกันหมด อาทิ รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง โดรน เทคโนโลยีฮอโลกราฟี หรือแม้กระทั่งสมาร์ทบ็อกซ์ที่คอยตรวจจับและขับไล่หมูป่าด้วยระบบอัตโนมัติ สิ่งเหล่านี้อาจเกิดขึ้นไม่ได้หากไร้ซึ่งเทคโนโลยี 5G

 


5G มีความเร็วสูงกว่า 4G ถึงหลายสิบ 5G จะสร้างการเชื่อมต่ออย่างเต็มรูปแบบเพื่อดึงศักยภาพของโลกที่เชื่อมถึงกันออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ เราจะได้เห็นผลของการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีสื่อสารความเร็วสูงที่นำมาใช้ในการจัดการธุรกิจ เช่น จัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นจากชิพนับพันล้านตัวที่ฝังอยู่ในอุปกรณ์ จึงคาดว่าเทคโนโลยี 5G จะเป็นกุญแจสำคัญที่ไขไปสู่เป้าหมายดังกล่าวรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการนำเทคโนโลยีมาใช้ภายใต้โลกที่เชื่อมโยงถึงกัน การสื่อสารความเร็วสูงและความหน่วงต่ำของเทคโนโลยี 5G จะช่วยให้การขับขี่แบบไร้คนขับเป็นจริงขึ้นมาได้ โดยเราสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานแบบไร้คนขับเข้าไปในรถยนต์แบบเดิม  นอกจากนี้ เรายังสามารถนำรถยนต์รุ่นใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองมาใช้ในรูปแบบของการแชร์รถยนต์ ซึ่งรถที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอาจพลิกโฉมสภาพการจราจร  เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่จะไม่ต้องใช้รถส่วนตัวอีกต่อไป ทำให้สามารถนำพื้นที่จอดรถมาสร้างเป็นที่พักอาศัยหรือสวนสาธารณะได้ ตลอดจนช่วยลดจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนลงได้มาก

 

ผู้คนในปี ค.ศ. 2050 อาจมองว่ารถยนต์ที่ใช้กันอยู่นั้นจะต้องเป็นรถที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองแล้ว อุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างสมบูรณ์แบบและปัญญาประดิษฐ์จะช่วยให้รถยนต์แลกเปลี่ยนและประมวลผลข้อมูลได้อย่างถูกต้องแม่นยำ รวมถึงช่วยให้เครื่องยนต์สามารถจัดการสภาวะที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น แม้แต่ในปัจจุบัน หากคุณลองให้นักบินปิดระบบการบินอัตโนมัติและร่อนลงจอดโดยควบคุมด้วยมือเปล่า โดยมีเพียงหมวกนิรภัยและแว่นตากันลมอย่างสมัยก่อน พวกเขาคงอยู่ในสภาวะกดดันอย่างหนักเป็นแน่


 

 การขับเคลื่อนโลกด้วยข้อมูล การนำข้อมูลขนาดใหญ่ จะช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น โดยสามารถคำนวณข้อมูลขนาดใหญ่ได้จากคลังสินค้าซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปจากผู้ใช้หลายร้อยกิโลเมตร ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณขอความช่วยเหลือจากผู้ช่วยบนโทรศัพท์มือถือ ระบบก็จะค้นหาคำตอบในคอมพิวเตอร์ของศูนย์ข้อมูลที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่งมาให้ ซึ่งในกรณีนี้ 5G จะทำหน้าที่เสมือนท่อส่งขนาดใหญ่ที่คอยลำเลียงข้อมูลมหาศาลนั่นเอง สิ่งที่คนส่วนใหญ่เห็นตรงกันก็คือ ศตวรรษที่ 21 จะเป็นยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งอาจสืบย้อนไปถึงคำกล่าวของกาลิเลโอเมื่อปี ค.ศ. 1638ซึ่งได้เอ่ยเอาไว้ว่า ปรากฏการณ์ธรรมชาติทุกอย่างนั้นสามารถอธิบายได้ด้วยภาษาคณิตศาสตร์ ดังนั้น  เมื่อเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่างๆ ในโลก เราก็จะสามารถทำความเข้าใจกับมันได้ชัดเจนยิ่งขึ้นและใช้ข้อมูลเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด อันจะนำไปสู่ยุคใหม่นั่นเอง  ทั้งเทคโนโลยีไอซีที  บิ๊กดาต้า และปัญญาประดิษฐ์อันล้ำหน้าจะผลักดันให้สิ่งเหล่านี้เกิดเป็นจริงขึ้นมาได้

 

ยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เมื่อถามว่าเราจะวินิจฉัยและรักษาโรคกันอย่างไรในอนาคต บางทีฐานข้อมูลอาจเป็นคุณหมอที่เก่งที่สุดในโลกก็เป็นได้ด้วยความสามารถในการจดจำข้อมูลแต่ละเคส เมื่อผนวกกับข้อมูลวิเคราะห์ด้านพันธุกรรม ฐานข้อมูลจะสามารถระบุรูปแบบการรักษาที่ได้ผลสูงสุดโดยวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของการรักษาและผลที่เกิดขึ้น ซึ่งทั้งการวินิจฉัย การวางแผนทางการแพทย์ใหม่ๆ และการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ ล้วนต้องพึ่งพาระบบบิ๊กดาต้า อีกตัวอย่างกับคำถามที่ว่า เราจะศึกษาเล่าเรียนกันอย่างไรในอนาคต คำตอบคือ เราจะใช้ข้อมูลเพื่อติดตามผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนและของครู   พิจารณาดูเนื้อหาที่เหมาะจะนำมาสอนมากที่สุด เพื่อออกแบบแนวทางการสอนให้เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน อันจะช่วยทดแทนข้อด้อยของโรงเรียนรัฐบาลที่ใช้การสอนรูปแบบเดียวสำหรับเด็กทุกคน

 

ประเด็นสุดท้าย คือ การหลอมรวมโลกแห่งความเป็นจริงเข้ากับโลกเสมือนจริง  การหลอมรวมโลกแห่งความเป็นจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกันสามารถเกิดขึ้นได้ผ่านการใช้งานจำลองแบบ immersive ของเทคโนโลยี VR รวมไปถึงเทคโนโลยี AR ที่นำไปประยุกต์ใช้กับหลายสิ่งหลายอย่าง อาทิ กระจกรถยนต์ หรือแว่น Google Glass ซึ่งความฝันของเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในยุคแรกๆ จะกลายเป็นจริงได้ก็ด้วยการมาถึงของเทคโนโลยี 5G โดยเครือข่ายความเร็วสูงที่สามารถเชื่อมข้อมูลมหาศาลจะสามารถรองรับการใช้งานเทคโนโลยี VR และ AR และมีความหน่วงต่ำที่จำเป็นสำหรับการประมวลผลความเร็วสูง อย่างเช่น การแสดงผลวิดีโอในรูปแบบโฮโลกราฟีในภาพยนตร์ Sci-Fi ซึ่งเทคโนโลยี AR จะต้องเข้าใจและเชื่อมโยงเข้ากับโลกกายภาพ รับรู้มิติทั้งในด้านลึกและด้านกว้าง วิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ทำความเข้าใจและระบุการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและผู้คน ก่อนจะแสดงผลที่แม่นยำในตำแหน่งที่ถูกต้อง เมื่ออุปกรณ์มีความคล่องตัวมากขึ้น ก็จำเป็นที่จะต้องสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ระยะไกลที่ทรงพลังในแบบเรียลไทม์ และเมื่อใดที่ข้อมูลในปัจจุบันสามารถถ่ายโอนถึงกันได้ผ่านท่อลำเลียงท่อเดียว เมื่อนั้นความลึกและความกว้างของข้อมูลก็จะแผ่ขยายขอบเขตออกไปราวกับมหาสมุทรแปซิฟิคเลยทีเดียว-สำนักข่าวไทย.

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย