คนไทยกว่า 4.7 แสนคน ป่วย ‘โรคบาดแผลทางใจ’

กรมสุขภาพจิต 25 ก.พ.-รพ.จิตเวชสงขลาฯ พัฒนาเครื่องมือค้นหาผู้ป่วยโรคบาดแผลทางใจสำเร็จแห่งแรกในอาเซียน หลังกรมสุขภาพจิตสำรวจพบคนไทยป่วยโรคนี้กว่า 4.7 แสนคนโดยเฉพาะ 4 จังหวัดภาคใต้ โดยให้ตอบ 2 คำถาม ค้นหาสภาพจิตใจ นำไปสู่การเยียวยาได้ทันท่วงที   


น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมโรงพยาบาล(รพ.)จิตเวชสงขลาราชนครินทร์ จ.สงขลา และศูนย์สุขภาพจิตที่ 12 จ.ปัตตานี ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามนโยบาย ว่า นอกจากรพ.จิตเวชสงขลาฯจะเป็นศูนย์เชี่ยวชาญรักษาโรคจิตเวชที่มีความรุนแรงซับซ้อนยุ่งยากประจำเขตสุขภาพที่ 12 ได้แก่สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส  พัทลุง ตรัง และสตูล แล้ว กรมสุขภาพจิตมีนโยบายพัฒนาให้รพ.แห่งนี้เป็นศูนย์เชี่ยวชาญการดูแลและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตที่เกิดมาจากภัยวิกฤติทุกประเภท  ที่มีความรุนแรงที่สุดคือโรคพีทีเอสดี (Post Traumatic Stress Disorder :PTSD) หรือโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าโรคบาดแผลทางใจ ซึ่งในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความเสี่ยงเกิดโรคนี้ได้สูงกว่าพื้นที่อื่น เนื่องจากมีเหตุการณ์ความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2547- เดือนธันวาคม 2560 มีรายงานเกิดเหตุการณ์ทั้งหมด 19,622 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 6,703 ราย และบาดเจ็บรอดชีวิต 13,247 คน     


อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ผลสำรวจของกรมสุขภาพจิต ในปี 2556 พบคนไทยอายุ18 ปีขึ้นไป ป่วยโรคพีทีเอสดีตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาร้อยละ 0.9 คาดขณะนี้ทั่วประเทศจะมีคนเป็นโรคนี้ประมาณ 470,000 คน จึงต้องเร่งป้องกันโดยค้นหาผู้ป่วยให้ได้เร็วที่สุดและให้การดูแลอย่างต่อเนื่องจนหมดความเสี่ยง ขณะนี้รพ.จิตเวชสงขลาได้วิจัยและพัฒนาเครื่องมือค้นหาโรคพีเอสดีเป็นผลสำเร็จ มีเพียงคำถาม 2 คำถาม คือ 1. ประสบการณ์เผชิญเหตุสะเทือนใจอย่างรุนแรงในชีวิต เช่น ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกจับเป็นตัวประกัน สูญเสียบุคคลใกล้ชิดอย่างกะทันหัน ภัยพิบัติต่างๆ ทำให้มีอาการทางจิตใจเกิดขึ้น  เช่นตื่นตัวตลอดเวลาหรือหวนระลึกถึงเหตุการณ์ซ้ำๆ และ 2. เหตุการณ์มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน เช่นกินไม่ได้ นอนไม่หลับ โดยผลการทดสอบพบว่าให้ผลแม่นยำสูงถึงร้อยละ 89  เครื่องมือชนิดนี้ยังไม่เคยมีใช้ที่ไหนมาก่อน จึงนับเป็นความสำเร็จแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน จะช่วยให้บุคลากรการแพทย์ค้นหาปัญหาทางจิตใจได้เร็ว สามารถให้การเยียวยาได้อย่างทันท่วงที จะช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคนี้ได้ร้อยละ 90 ขณะนี้กรมฯได้ขยายผลใช้ทั่วประเทศแล้ว สามารถใช้ได้กับทุกเหตุการณ์รุนแรง และได้ให้ศูนย์สุขภาพจิตที่12แปลเป็นภาษามลายูใช้ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่างด้วย 


ด้าน พญ.บุญศิริ  จันศิริมงคล ผู้อำนวยการรพ.จิตเวชสงขลาราชนครินทร์ กล่าวว่าขณะนี้รพ.ได้เผยแพร่แบบประเมินหาโรคพีทีเอสดีทางอินเทอร์เน็ต ทาง www.skph.go.th เพื่อให้ประชาชนที่เผชิญวิกฤติต่างๆหรือเหตุการณ์ที่เลวร้ายในชีวิต ใช้ประเมินตัวเองได้จากระบบเสียงและข้อความ ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีก็ทราบผล หากพบว่ามีความเสี่ยงเกิดโรคพีทีเอสดีจะมีคำแนะนำให้พบจิตแพทย์ที่รพ.จิตเวชทั่วประเทศ หรือปรึกษาสายด่วน 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง และอยู่ระหว่างพัฒนาเป็นแอพพลิเคชั่น เพื่อให้ความรู้ประชาชน และใช้ประเมินความเสี่ยงของตนเองได้สะดวกขึ้นทางมือถือ  

พญ.บุญศิริ กล่าวต่อว่า โรคพีทีเอสดีหรือบาดแผลทางใจ เป็นโรคจิตเวชที่เกิดภายหลังเหตุวิกฤติต่างๆ มีผลกระทบรุนแรงต่อผู้เผชิญเหตุการณ์หรือรอดชีวิต  หากเกิดกับเด็กและวัยรุ่นจะมีผลต่อพัฒนาการทางสมอง  บุคลิกภาพ และอารมณ์ ทำให้ไม่มีสมาธิในการเรียนหรือทำสิ่งต่างๆ บางครั้งทำให้เด็กรู้สึกตนเองไม่มีคุณค่า  อาจกลายเป็นคนเก็บตัว อารมณ์ถูกกระตุ้นได้ง่าย อาจกลายเป็นคนก้าวร้าว หรือซึมเศร้า หากเกิดในหญิงตั้งครรภ์ บาดแผลทางใจจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนบางตัวออกมาเช่น คอร์ติซอล ( Cortisol) สามารถผ่านทางรก ทำให้เด็กในครรภ์มีขนาดศีรษะเล็กกว่าปกติ  มีผลต่อพัฒนาการของสมองและมีผลต่อสติปัญญา อาการของโรคพีทีเอสดีนี้ สามารถเกิดขึ้นได้แม้เหตุการณ์จะผ่านไปแล้วนานกว่า 6 เดือนก็ตาม   

ทั้งนี้ อาการเด่นของโรคมี 8 อาการ คือ1.นอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท 2.หงุดหงิดง่าย 3.ฝันร้ายระลึกถึงเหตุการณ์ร้ายนั้นซ้ำๆ 4.เฉยเมยต่อญาติและเพื่อนๆ 5. รู้สึกผิดที่ตนเองรอด ขณะที่คนอื่นตาย 6. ตกใจง่ายเมื่อเกิดอะไรผิดปกติรอบตัว เช่นผวาอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินเสียงดัง 7. รู้สึกบ่อยๆว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นซ้ำอีก และ8. ไม่ยอมเข้าใกล้สถานที่หรือสถานการณ์ที่ชวนให้นึกถึงเหตุร้ายนั้นซ้ำอีก   

สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคพีทีเอสดีที่มารับบริการที่รพ.จิตเวชสงขลาราชนครินทร์ในรอบ 1 ปีมานี้มีประมาณ 30 คน  มักพบมีโรคทางจิตเวชอื่นๆร่วมด้วย ได้แก่ โรคซึมเศร้าพบร้อยละ 90 รองลงมามีความคิดฆ่าตัวตายพบร้อยละ 55 ใช้สารเสพติด ร้อยละ 16 และใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร้อยละ 7  แต่หลังจากได้รับการรักษาเป็นเวลา 6 เดือน พบว่าร้อยละ 96 อาการดีขึ้น .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

รวบพระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกดับ

นครราชสีมา 30 พ.ค. – รวบแล้ว พระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกเสียชีวิต และล่วงละเมิดลูกเลี้ยงผู้หญิงคนเล็กอายุ 11 ขวบ เจ้าตัวยังปากแข็ง แต่จำนนด้วยหลักฐาน ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา บุกรวบตัว นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเก “ลักยิ้มทับทิมสยาม” ได้คาบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยขณะนี้คุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.เมืองนครราชสีมา ขณะจับกุมตัวผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” และ “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” ขณะนี้กำลังเค้นสอบปากคำ เนื่องจากผู้ต้องหายังปากแข็ง แต่จำนวนด้วยหลักฐาน ก่อนเตรียมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คาดว่าเป็นช่วงบ่ายวันนี้ คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.หมิว อายุ 46 ปี นางเอกลิเก พาลูกสาวอายุ 11 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังลูกชายคนโต อายุ 18 ปี ซึ่งป่วยออทิสติก […]

“สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 หมอ คดีชั้น 14

สธ. 29 พ.ค. – “สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เผย “สมศักดิ์” สภานายกพิเศษ ส่งคำตอบให้มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 แพทย์ กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจเมื่อวานนี้ ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ให้ใช้คำว่าเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ได้ยื่นรายงานความเห็นจากคณะกรรมการฯ ต่อมติแพทยสภาให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) สภานายกพิเศษฯ ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังแพทยสภาแล้ว เมื่อเวลา 16.00 น. โดยที่ตนเองก็ยังไม่ทราบว่า มีเนื้อหาบ้าง แต่ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ขอให้ใช้คำว่ามีส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เบื้องต้นเป็นความส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภา ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 […]

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนยังมีฝนตกหนักบางแห่ง เหนือ-อีสาน-ตะวันออก ฝน 70%

กทม. 31 พ.ค.-กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนยังมีฝนตกหนักบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ภาคเหนือ อีสาน ตะวันออก ฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ ส่วนภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณเกาะไหหลำ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย ออกประกาศ 31 พฤษภาคม 2568 พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. […]

จเรตำรวจยันข่าวนอตหลุดทำ ฮ. ตกยังไม่สรุป

กทม. 31 พ.ค.-จเรตำรวจแห่งชาติ ยืนยันข่าวนอตหลุดทำเฮลิคอปเตอร์ตกยังไม่สรุป รอผลตรวจสอบผู้เชี่ยวชาญ จากการที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ ในกรณีที่เฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจตกในขณะบินออกปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ในเขตพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีสาเหตุมาจากนอต 2 ตัวหลุดทำให้เครื่องบินเสียการทรงตัวจนตกนั้น พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวมีความชัดเจนมากขึ้น จึงขอชี้แจงว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทางกายภาพของกองบินตำรวจ พบว่า นอตในส่วนที่ยึดติดกับชุดใบพัดใหญ่ด้านบนของเฮลิคอปเตอร์หลุดไป แต่การตรวจพบดังกล่าวยังไม่สามารถนำมาเป็นข้อสรุปของสาเหตุการตกของเครื่องเฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจได้ ต้องรอผลสรุปจากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญและพยานหลักฐานอื่นมาประกอบ จึงจะสามารถสรุปได้ว่าสาเหตุของการตกที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งผลเป็นประการใดจะแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบต่อไป นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการซ่อมบำรุงอากาศยานของกองบินตำรวจ ให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามกฏหมาย กฏ ระเบียบ คำสั่ง ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ มีข้อสังเกตหรือความบกพร่องในกรณีใด เพื่อให้เกิดความโปร่งใส่และเป็นธรรมต่อไป.-412.-สำนักข่าวไทย

เด้งผู้การกองบิน-รองผู้การ-ช่างอากาศยาน รวม 4 นาย เซ่นปม ฮ.ตก

กรุงเทพฯ 30 พ.ค. – ผบ.ตร. สั่งเด้งผู้การกองบิน-รองผู้การ-ช่างอากาศยาน รวม 4 นาย ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม ปมอากาศยานของกองบินตำรวจตก 2 ครั้ง ห้วงใกล้เคียงกัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 308/2568 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการและรักษาราชการแทน ใจความระบุว่า ด้วย กรณีเหตุการณ์อากาศยานของกองบินตำรวจตก เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 และวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นการเกิดเหตุ 2 ครั้ง ในห้วงระยะเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้มีข้าราชการตำรวจเสียชีวิตหลายนาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงในรายละเอียดการซ่อมบำรุงอากาศยานของกองบินตำรวจที่ผ่านมา ให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง มีข้อสังเกตหรือความบกพร่องในกรณีใด และจเรตำรวจได้มีคำสั่ง ที่ 89/2568 ลงวันที่ 30 เมษายน 2568 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ประกอบกับกรณีดังกล่าวเป็นประเด็นสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและสังคมในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสื่อสังคมออนไลน์ […]

“สมศักดิ์” แจงยิบวีโต้มติแพทยสภา ยันไร้ใบสั่ง ปัดเอื้อ “ทักษิณ”

รัฐสภา 30 พ.ค.- “สมศักดิ์” แจงยิบ วีโต้มติแพทยสภา ยกโทษให้หมด แพทย์ไม่มีความผิด อ้างไม่อยากสร้างบรรทัดฐานใหม่ เกรงกระทบแพทย์ทั้งประเทศ ยันไม่มีใบสั่ง-ไม่ได้เอื้อ “ทักษิณ” ขึ้นศาล 13 มิ.ย. ไม่หวั่นถูกล่าชื่อถอดถอน บอกทำการเมืองมา 43 ปีแล้ว ไม่ห่วงเรื่องพวกนี้ มั่นใจไม่ใช่การเปิดศึกแพทย์ เพราะถ้าอยู่ในวิชาชีพจะรู้ว่าเป็นการปกป้อง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงเหตุผลหลังวีโต้มติแพทยสภา ว่า หลังจากการพิจารณาในรายละเอียดขั้นตอนการพิจารณาลงโทษ 3 แพทย์ พบว่า คณะกรรมการจริยธรรมรับเรื่องรองเรียนพบว่ามีความผิด จึงส่งเรื่องให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งใช้เวลารวบรวมข้อเท็จจริงและพิจารณาถึง 4 เดือน ก่อนจะความเห็นว่านายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ผู้ถูกร้องที่1 ไม่มีความผิด ส่วนแพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ ในฐานะแพทย์ผู้ตรวจร่างกาย ขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ รพ.ราชทัณฑ์ ผู้ถูกร้องที่2 มีความผิด ลงโทษให้ว่ากล่าวตักเตือน ขณะที่พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ มีความผิดให้ลงภาคทัณฑ์ […]