แท็กซี่เสียหลักชนท้ายกระบะปลาพลิกคว่ำกระจายเกลื่อนถนน

ปทุมธานี 24 ก.พ.-เกิดเหตุแท็กซี่เสียหลักชนท้ายรถกระบะบรรทุกปลาพลิกคว่ำ บริเวณคลองหนึ่ง รังสิต-นครนายก จ.ปทุมธานี ปลาเกือบ 2 ตันกระจายเกลื่อนถนน ส่วนที่บริเวณซอยรังสิต-นครนายก 33 หน้าวัดแสงสรรค์ รถเก๋งชนจักรยานยนต์ ตาย 1



ร.ต.อ.บุรินทร์ ทองก่อ ร้อยเวรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถเก๋งชนรถจักรยานยนต์ และคนเดินเท้ามีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต บริเวณซอยรังสิต-นครนายก 33 หน้าวัดแสงสรรค์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยรถกู้ชีพเทศบาลนครรังสิตและเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 รายทราบชื่อ นายพรสวรรค์ เชื้อบุญ อายุ 23ปี สภาพศพนอนเสียชีวิตอยู่หน้าประตูทางเข้าวัด ใกล้กันพบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าสีดำ เสียหลักชนเสาไฟฟ้าข้างทางได้รับความเสียหายทั้งคัน ส่วนขับรถเก๋งทราบชื่อนายวีระพงษ์ โง้วสกุล อายุ 35 ปี เป็นพนักงานของบริษัท รถกู้ชีพเทศบาลนครรังสิต นำส่งโรงพยาบาลบางประกอก รังสิต 2 ไปก่อนแล้ว และยังมีคนเดินเท้าถูกรถเก๋งชนได้รับบาดเจ็บอีก 1 คนทราบชื่อนายสมพร นามเชื้อ ไม่ทราบอายุ รถกู้ชีพเทศบาลนครรังสิตนำส่งโรงบาลแพทย์รังสิต และยังพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซุกิ ของผู้ตายถูกชนชนล้อหน้าขาดชิ้นส่วนกระจายอยู่เต็มถนน


จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุบอกว่า ตนกำลังกางเต็นท์เพื่อจัดงานวัดได้ยินเสียงดังสนั่นและเห็นคนขับรถจักรยานยนต์ลอยตกลงมากระแทกกับพื้นและแน่นิ่งไป ตนจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ด้าน ร.ต.อ.บุรินทร์ ทองก่อ หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วจึงได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานและได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำผู้เสียชีวิตส่งนิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ส่วนคนขับรถเก๋งจะได้นำตัวมาสอบปากคำอีกครั้งหลังออกจากโรงพยาบาลแล้วพร้อมทั้งได้ให้แพทย์ตรวจวัดแอลกอฮอล์ในร่างกายว่ามีหรือไม่

แท็กซี่เสียหลักชนท้ายกระบะปลาพลิกคว่ำกระจายเกลื่อนถนน

ส่วนอีกคดี ร.ต.อ.ศุภชัย ศรีสุวัฒน์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถบรรทุกปลาพลิกคว่ำ บริเวณคลองหนึ่ง ถนนรังสิต-นครนายก ขาเข้า ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยอาสาสมัครร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ พลิกตะแคงติดอยู่กับการ์ดเรลริมถนน โดยมีปลายี่สกตกกระจายเกลื่อนถนน โดยมีนายทวนทัย ว่องไว อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกปลายืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ห่างออกไปประมาณ 40 เมตร พบรถแท็กซี่ เขียว-เหลือง ยี่ห้อโตโยต้า พลิกหงายท้องล้อชีฟ้า กระจกด้านหลังแตกกระจาย ส่วนคนขับได้วิ่งหลบหนีไปก่อนหน้าแล้ว

จากการสอบถามนายมวนทัย ว่องไว บอกว่าตนเองขับรถบรรทุกปลายี่สกจำนวนเกือบ 2 ตันจาก อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี เพื่อจะนำไปส่งให้ลูกค้าที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม โดยมีภรรยา นางคมคาย สิทธิวงศ์ษา อายุ 52 ปี นั่งมาด้วย  ขณะที่ตนเองขับมาถึงตรงจุดเกิดเหตุได้มีรถแท็กซี่คู่กรณีวิ่งเข้ามาชนท้ายด้านขวาอย่างแรงจนทำให้รถเสียการทรงตัวพลิกตะแคงส่งผลให้ปลาเกือบ 2 ตันกระจายเกลื่อนถนน ส่วนภรรยาได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก อาสาสมัครกู้ภัยได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลไปแล้ว


ด้านนายเสรี  มิตรโกสุม อายุ 55 ปี คนขับรถบรรทุกปลา กล่าวว่า ตนเองขับรถบรรทุกปลาตามกันมาจากบ่อปลา อ.บ้านสร้าง จำนวน 10 คัน เพื่อจะนำปลาไปส่งที่จังหวัดสมุทรสาคร และนครปฐม โดยตนเองนั้นขับมาเป็นคันที่ 2 เมื่อมาถึงตรงจุดเกิดเหตุเห็นรถแท็กซี่เลี้ยวกลับตรงจุดกลับรถอย่างรวดเร็ว และเสียหลักพุ่งชนแท่งแบริเออร์ อย่างแรงก่อนจะเข้ามาพุ่งชนรถของเพื่อนที่บรรทุกปลาวิ่งนำหน้าอยู่จนเสียการทรงตัวพลิกตะแคงปลาตกกระจายเต็มถนน ส่วนรถแท็กซี่คันก่อเหตุก็หมุนอยู่กลางถนนหลายรอบก่อนจะพลิกหงายท้องท้องล้อชีฟ้า โดยมีคนขับไม่ทราบชื่อคลานออกมาไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาและเดินมาเพื่อจะแสดงตัวเป็นพลเมืองดีเพื่อช่วยเหลือเพื่อนของตน จากนั้นก็วิ่งหนีพวกตนและเพื่อนที่ขับรถมาด้วยได้วิ่งไล่จับแต่ไม่ทัน

ด้าน ร.ต.อ.ศุภชัย ศรีสุวัฒน์ หลังจากตรวจสอบบันทึกภาพในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานหมดแล้ว ได้ให้รถยกมาเคลื่อนย้ายรถแท็กซี่ไว้ที่ของกลางก่อนเชิญตัว นายมวนทัย ว่องไว สอบปากคำเพิ่มเติมและจะติดตามตัวคนขับแท็กซี่คันก่อนเหตุมาสอบปากคำและดำเนินคดีต่อไป

อุบัติเหตุรถกระบะชนประสานงารถตู้โดยสาร


ส่วนช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 01.00 น.เจ้าหน้าที่กู้ภัยและศูนย์แพทย์นเรนทร ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ รถกระบะชนประสานงากับรถตู้โดยสาร มีผู้โดยสารเป็น เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ โรงพยาบาลกระบี่โดยสารมาเต็มคันรถ มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เกิดเหตุที่ถนนตรัง-สิเกา บ้านเขาแก้ว  หมู่ที่ 2 ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง ทางศูนย์แพทย์นเรนทรได้ประสานลูกข่ายนำรถพยาบาลฉุกเฉินพร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 10 คัน มาทำการปฐมพยาบาลและรับผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลศูนย์ตรัง และ รพ.สิเกา มีผู้บาดเจ็บเป็นคนขับรถตู้ 1 คน ลูกคนขับรถตู้ 1 คน เจ้าหน้าที่ข้าราชการโรงพยาบาลจังหวัดกระบี่ 12 คน คนขับรถยนต์กระบะ 1 คนและเด็กอีก 1 คน รวมผู้โดยสารและคนขับรถทั้ง 2 คันได้รับบาดเจ็บรวม 14 คน

เจ้าหน้าที่กู้ภัยบางส่วนอำนวยความสะดวกร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะถนนสายนี้มีปริมาณการจรรถมีจำนวนมาก เมื่อเกิดอุบัติเหตุก็ส่งผลให้รถติดแถวยาว เมื่อมีการลำเลียงคนเจ็บไปยัง 2 โรงพยาบาลจนเสร็จสิ้น ก็ทราบว่า รถยนต์กระบะขับมุ่งหน้าไป บ้านนาเมืองเพชร ต.นาเมืองเพชร ส่วนรถตู้โดยสารเดินทางมาจาก อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เพื่อกลับบ้านที่อ.สิเกา ส่วนรถตู้ของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกระบี่ กำลังจะเดินทางกลับ จ.กระบี่ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถกระบะตอนเดียวยี่ห้อเชฟโรเลตสีน้ำเงิน คนขับเป็นชาย พร้อมเด็ก ขับข้ามเลนมายังฝั่งของรถตู้ ทำให้เกิดการชนกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว รถตู้มีรอยเบรก ตกไหลถนนพลิกคว่ำ ทำให้ผู้โดยสารและคนขับได้รับบาดเจ็บทั้ง 14 คน ส่วนรถกระบะหลังการชนด้านหน้ารถพังยับเยินจอดขวางถนน มีคนขับชายและเด็กมาด้วย 2 คนบาดเจ็บ รวมคนเจ็บทั้งหมด 16 คน ในเวลาต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.สิเกา อ.สิเกา เดินทางมาตรวจสถานที่เกิดเหตุ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]