เชื่อความร่วมมือของกองทัพไทย-สหรัฐฯ ยกระดับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น

ทำเนียบฯ 22 ก.พ.- นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก ในโอกาสเดินทางเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมโครงการฝึกร่วมคอบร้าโกลด์ 2018 เชื่อความร่วมมือระหว่างกองทัพไทย-สหรัฐฯ เป็นรากฐานช่วยยกระดับความสัมพันธ์ของสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทุกมิติ


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ พลเรือเอก แฮร์รี บี แฮร์ริส จูเนียร์ ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ยินดีต้อนรับ ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก ในโอกาสเดินทางเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมโครงการฝึกร่วมคอบร้าโกลด์ 2018 โดยเชื่อมั่นว่าการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างกองทัพไทยกับสหรัฐฯ จะเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ทั้งนี้ ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก ยินดีที่กองทัพไทยและสหรัฐฯ มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ซึ่งโครงการฝึกร่วมคอบร้าโกลด์ มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความมั่นคงในการแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้งเพื่อรักษาสันติภาพ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีหวังให้สหรัฐอเมริกาใช้ประโยชน์จากสถาบันว่าด้วยการบังคับใช้กฎหมาย (ILEA) ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ให้มากขึ้น เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างกัน


พล.ท.วีรชน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังแสดงความขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสพบหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในประเด็นความร่วมมือด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก เห็นว่าไทยและสหรัฐฯ มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกันมาโดยตลอด ซึ่งยืนยันความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ในฐานะมิตรที่ดีต่อกันทั้งสองฝ่าย และยินดีที่ปีนี้ ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ครบรอบ 185 ปี ซึ่งที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพิ่มพูนใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นในทุกมิติ และหวังว่าทั้งสองประเทศจะรักษาความเป็นพันธมิตรที่มีค่าให้แข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป

“ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านประเด็นความมั่นคงในภูมิภาค โดยผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก แสดงความชื่นชมไทยที่มีบทบาทสำคัญต่อความมั่นคงในภูมิภาค พร้อมแสดงความขอบคุณไทยที่ให้ความร่วมมือด้านข่าวกรอง การต่อต้านการก่อการร้าย และการสนับสนุนการดำเนินการของสหประชาชาติมาโดยตลอด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยพร้อมสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์ของสหรัฐฯ ในอินโดแปซิฟิก รวมถึงอาเซียนเพื่อความมั่นคงและมั่งคั่งร่วมกันของทั้งสองประเทศ ภูมิภาคและของโลก ขณะที่ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก ยังได้แสดงความเข้าใจต่อเจตนารมณ์ของไทยในการสนับสนุนกระบวนการไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืนตามโรดแมป” พล.ท.วีรชน กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง