นครปฐม 21 ก.พ.- นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.นครปฐม พบประชาชนติดตามงานนโยบายของรัฐบาล ระบุ เร่งแก้ปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ ขับเคลื่อนผ่านโครงการไทยนิยมยั่งยืน เผย จะมีคณะทำงานรับฟังและแนะแนวทางแก้ไขปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 กงพ.) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ จ.นครปฐม เพื่อติดตามงานนโยบายของรัฐ โดยทันทีที่มาถึง นายกรัฐมนตรีได้พบปะกับชาวบ้านและเกษตรกร ที่ศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรแหลมบัว อ.นครชัยศรี
โดยพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จ ในการน้อมนำแนวพระราชดำริ “ศาสตร์พระราชา” มาใช้ พร้อมประยุกต์เทคโนโลยี การลดต้นทุนการผลิตข้าว และการทำข้าวอินทรีย์ มีการนำผลจากการขับเคลื่อนความร่วมมือของสหกรณ์การเกษตรและความร่วมมือประชารัฐ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และผลผลิตทางการเกษตรมาใช้ สร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน เช่น การดำเนินงานของสหกรณ์โคเนื้อกำแพงแสน จำกัด /สินค้าผลิตภัณฑ์ OTOP มะพร้าวน้ำหอมบ้านศาลาดิน ที่เป็นสินค้าเกษตรขึ้นชื่อของท้องถิ่น การพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ฟาร์มกล้วยไม้เศรษฐกิจ ภายในศูนย์การเรียนรู้ยังมีการถ่ายทอด องค์ความรู้ด้านการทำการเกษตรรูปแบบใหม่ ตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ เช่น การให้ความรู้ผ่านฐานจัดการศัตรูพืชชุมชน รวมถึง การพัฒนาเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวเกษตร
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ขอบคุณประชาชนที่มารอต้อนรับ และว่า การลงพื้นที่ ไม่ได้หวังผลทางการเมือง เพราะไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นทหารเก่าเข้าใจหัวอกประชาชน และเข้าใจว่า ทุกคนต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ซึ่งนับจากวันนี้จะมีคณะทำงานตามโครงการไทยนิยมยั่งยืนลงพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหา พร้อมให้คำแนะนำแนวทางแก้ปัญหา เช่น ปลูกพืชให้ตรงกับความต้องการของตลาด เพื่อเพิ่มรายได้ ต้องทำใหม่ทั้งหมดให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ต้องให้ได้รัฐบาลของประชาชน วันนี้ประเทศยังเข้มแข็งไม่พอ ต้องจัดการหลายๆ อย่างก่อน นอกจากนี้ ได้สอบถามและรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ โดยรับปากว่าจะดูแลให้ทั้งหมด เบื้องต้นได้สั่งให้มีการตรวจสอบราคาข้าวตกต่ำ และมีการแก้ไขอย่างเป็นระบบ
“ขอให้ทุกคนต้องช่วยกันสร้างองค์ความรู้ และวางแผนเพาะปลูกที่เหมาะสมกับการตลาด คำนึงถึงปริมาณการผลิตและความต้องการ เพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม” นายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ได้ร่วมกิจกรรมปลูกข้าวนาโยนในแปลงนาสาธิต และเยี่ยมชมฐานการเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร 7 ฐาน ชมการเพาะเลี้ยงปศุสัตว์ เช่น ไก่ตะเภาทอง และเป็ดนครปฐม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เหมาไก่ตะเภาทองและเป็ดนครปฐม เพื่อเป็นการอุดหนุนและสนับสนุนเกษตรกร และยังเลี้ยงขนมจีนปลาช่อน และไอติมแท่งทำจากข้าวกล้องกับสื่อมวลชด้วย
ก่อนเสร็จสิ้นภารกิจที่ศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรแหลมบัว นายกรัฐมนตรีได้ปลูกต้นจัน ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดนครปฐม โดยระหว่างการปลูกต้นไม้ มีประชาชนตะโกนว่า “รักนายกฯ อยากให้เป็นนายกฯนานๆ” ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณ พร้อมบอกว่า “ผมไม่ใช่นักการเมือง แต่ถ้าประชาชนนึงถึง ก็ขอให้มาดูที่ต้นจันต้นนี้ เพราะเป็นต้นจัน คล้ายกับนามสกุลจันทร์โอชา” และได้ชูมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูให้ประชาชน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังที่ดินพระราชทาน บ้านศาลาดิน หมู่ที่ 3 ต.มหาสวัสดิ์ อ.พุทธมณฑล เพื่อเยี่ยมชมแปลงนาบัวลุงแจ่ม สวัสดิ์โต ซึ่งเป็นการปฏิรูปที่ดินตามแนวพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งได้พระราชทานที่ดินส่วนพระองค์ให้กับเกษตรกร เมื่อปี พ.ศ. 2518 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปที่ดินในประเทศไทย
จากนั้น รับฟังการนำเสนอสภาพปัญหาของชุมชนบ้านศาลาดิน และการรวมกลุ่มจัดการปัญหา พร้อมเยี่ยมชมตลาดน้ำบ้านศาลาดิน แหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงเกษตรเชื่อมโยงตลาดประชารัฐ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้พบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมบ้านหนองจิก และเยี่ยมชมการดำเนินธุรกิจสินค้าน้ำนมของสหกรณ์โคนมกำแพงแสน จำกัด และเป็นประธานสักขีพยานในโอกาสผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม มอบโรงเรือนถอดประกอบได้ เครื่องจักรกลการเกษตร และเครื่องสีข้าวให้แก่ผู้แทนเกษตรกร และพบปะกับเกษตรกรและกลุ่มสมาชิกสหกรณ์ในพื้นที่ .- สำนักข่าวไทย