200 มหาวิทยาลัยเร่งผลิตบัณฑิตป้อนภาคอุตสาหกรรม

กรุงเทพฯ 20 ก.พ. – ส.อ.ท.จับมือ 200 มหาวิทยาลัย ตั้งคณะกรรมการร่วมผลิตบัณฑิตตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอุตสาหกรรม S Curve


นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) นำคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยทั่วประเทศทั้งสังกัดภาครัฐและเอกชนกว่า 200 แห่ง หารือนายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เพื่อร่วมกันผลิตบัณฑิตตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม 

นายเจน กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันตั้งคณะทำงานร่วมพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน โดยปรับหลักสูตรเพิ่มความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น พร้อมเพิ่มระยะเวลาการฝึกงานในสถานประกอบจริงนาน 8-10 เดือน เพื่อให้มีทักษะพร้อมที่จะปรับตัวเข้างานกับสถานประกอบการได้ง่าย  โดยจะนำรูปแบบที่ ส.อ.ท.ร่วมจัดทำกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีเป็นต้นแบบกระจายไปยังมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยเน้นในส่วนของอุตสาหกรรม new s Curve ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ก่อน มีการส่งเสริมสนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรมสามารถนำไปเป็นตัวชี้วัดในการปรับตำแหน่งทางวิชาการของอาจารย์ได้ 


“ส.อ.ท.ยืนยันว่าไม่มีนโยบายกีดกันการรับบัณฑิตเข้าทำงานในสถานประกอบการ  เพราะการคัดเลือกบุคลากรเข้าทำงานนั้น แต่ละสถานประกอบการจะพิจารณาตามสมรรถนะของบัณฑิตกับความต้องการของสถานประกอบการนั้น ๆ เป็นสำคัญ” นายเจน กล่าว

นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เอกชนกับมหาวิทยาลัยร่วมกันพัฒนาหลักสูตร เพื่อเป็นสะะพานปิดจุดที่ไม่สัมพันธ์กันระหว่างผู้ประกอบการที่ต้องการบัณฑิตกับการผลิตบัณฑิตของสถาบันการศึกษา ซึ่งภายใน 6 เดือนนับจากนี้ไป ส.อ.ท.และตัวแทนมหาวิทยาลัยจะร่วมกันตั้งสถาบันอิสระเพื่อร่วมกันปรับปรุงหลักสูตรที่ใช้ให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังตกลงร่วมกันผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคอุตสาหกรรม หรือ University-Industry Linkages :UIL เพื่อสร้างมาตรฐานและความน่าเชื่อถือระหว่างกันผ่านการขับเคลื่อน 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การสอดแทรกการเรียนการสอนด้านทักษะแรงงานและผู้ประกอบการ ซึ่งจะเร่งให้แต่ละมหาวิทยาลัยปรับปรุงหลักสูตรการสอน โดยบูรณาการทักษะที่เตรียมความพร้อมในการทำงานของแต่ละสาขา พร้อมเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจจัดทำหลักสูตรพิเศษด้านการทำงานระยะสั้น เพื่อบ่มเพาะความพร้อมให้เกิดขึ้นตั้งแต่ขณะที่กำลังศึกษาอยู่ ยุทธศาสตร์การมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมกับสถาบันอุดมศึกษาแบบคู่ขนาน โดยจะผลักดันให้เกิดการสนับสนุนบุคลากรจากภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญให้เป็นอาจารย์ผู้สอนในชั่วโมงเรียนพิเศษบางรายวิชา เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ทักษะและคุณสมบัติที่ภาคธุรกิจต้องการ พร้อมทั้งสามารถเสนอแนะข้อคิดเห็นในหลักสูตรการเรียนเพื่อให้เกิดความทันยุคทันสมัย ตลอดจนการร่วมลงทุนด้านการนำปัญหาของแต่ละภาคอุตสาหกรรมมาร่วมต่อยอดงานวิจัย รวมถึงการจัดตั้งแล็บ สถาบันการศึกษาในรูปแบบทวิภาคี เพื่อให้เกิดรูปแบบการเรียนที่มีความหลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น


ยุทธศาสตร์ดำเนินโครงการความร่วมมือการจัดการเรียนการสอนแบบสหกิจศึกษา เพื่อพัฒนากำลังคนด้านอุตสาหกรรม หรือ  Work-integrated Learning ซึ่งรูปแบบของยุทธศาสตร์นี้ คือ การเรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริง โดยจะให้นักศึกษาและอาจารย์ผู้สอนมีโอกาสเข้าไปเรียนรู้และทดลองงานแต่ละภาคธุรกิจโดยไร้ข้อจำกัด พร้อมนำเทคโนโลยีนวัตกรรมทันสมัยมาปรับใช้จริง ซึ่งจะช่วยให้เกิดการเรียนรู้เร็วขึ้น มีเป้าหมายและทัศนคติในการทำงานที่ชัดเจนมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดช่องว่างการดำเนินงานระหว่างมหาวิทยาลัยกับองค์กรธุรกิจในลักษณะต่างคนต่างทำมาเป็นการเชื่อมโยงในด้านทฤษฎีและปฏิบัติที่สอดคล้องและมีประสิทธิภาพ 

นายสุชัชวีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนการผลิตบุคลากรรองรับโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี ทางมหาวิทยาลัยจะต้องเน้นเรื่องการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมชั้นสูง ซึ่งที่ผ่านมามีเพียงงานวิจัยและนวัตกรรมระดับกลางเท่านั้น ไม่เพียงพอต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีระดับสูงกว่า ดังนั้น รัฐบาลควรมีนโยบายส่งเสริมเพื่อให้มหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกเข้ามาตั้งวิทยาเขตในประเทศไทยเพื่อก่อให้เกิดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมขึ้นภายในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้รัฐบาลจะมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนให้เกิดการตั้งมหาวิทยาลัยของต่างประเทศในประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ยังไม่เพียงพอควรจะมีมาตรการสนับสนุนเข้มข้นมากขึ้นโดยเฉพาะด้านเงินทุน เพราะประเทศคู่แข่งอย่างสิงคโปร์และมาเลเซีย รัฐบาลสนับสนุนเรื่องเงินทุนอย่างมาก จึงสามารถดึงมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกเข้ามาตั้งวิทยาเขตในประเทศได้มากกว่า

 นอกจากนี้ รัฐบาลควรจะเพิ่มงบลงทุนวิจัยและพัฒนาของประเทศจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 0.28 ของ GDP ควรจะเพิ่มเป็นร้อยละ 2 ของ GDP เพราะประเทศอื่น ๆ เช่น เกาหลีใต้ มีสัดส่วนงบลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา คิดเป็นร้อยละ 4 ของ GDP อิสราเอล ร้อยละ 5 ของ GDP ซึ่งในส่วนของประเทศไทยหากไม่เพิ่มงบด้านวิจัยและพัฒนาก็จะไม่สามารถก้าวทันประเทศอื่น. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้