ราชบพิธ 6 ต.ค. – ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายนปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 อยู่ที่ระดับ 74.2 ประชาชนมั่นใจเศรษฐกิจ การเมืองมากขึ้น คาดน้ำท่วมกระทบจีดีพีไม่เกินร้อยละ 0.5
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายนปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 อยู่ที่ระดับ 74.2 เนื่องจากประชาชนมั่นใจเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในอนาคตว่าจะปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับ คาดหวังว่ารัฐบาลจะเน้นการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นไตรมาสสุดท้ายของปี
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม 10 จังหวัดทั่วประเทศนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมาก เนื่องจากความเสียหายยังไม่รุนแรงและไม่อยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจ แต่ยังคงต้องติดตามผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมว่าจะรุนแรงขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถบริหารจัดการได้ ทั้งนี้ คาดว่าส่งผลกระทบต่อจีดีพีไม่เกินร้อยละ 0.5 ขณะที่หลังการลงประชามติและจะมีการเลือกตั้งปี 2560 ส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สูงสุดในรอบ 11 ปี 5 เดือน สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนมองการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น มั่นใจว่าจะเห็นบรรยากาศการกลับเข้ามาลงทุนของเอกชนทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น ทำให้ดัชนีความสุขในการดำรงชีวิตปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 3 อยู่ระดับ 89.2 สูงสุดในรอบ 9 เดือน
ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ คาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 3.3-3.5 อานิสงส์จากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการทำพิโกไฟแนนซ์แก้ปัญหาหนี้นอกระบบและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนผู้มีรายได้น้อย พร้อมทั้งขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินประมาณ 340,000 ล้านบาทไตรมาส 4 ปีนี้ ส่วนการส่งออกยังคงอยู่กรอบเดิมประมาณร้อยละ 0 – ติดลบ 2 เงินเฟ้อประมาณร้อยละ 0.4 สอดคล้องราคาพืชผลทางการเกษตรที่ยังทรงตัว ค่าครองชีพปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 อยู่ที่ระดับ 75.6 ถือว่าสูงสุดในรอบ 6 เดือน สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภครู้สึกรายได้สอดคล้องรายจ่าย โดยคาดว่าการบริโภคของประชาชนจะค่อย ๆ ฟื้นตัวไตรมาส 4 ปีนี้ตามการใช้จ่ายและลงทุนของภาครัฐที่เป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจโลก
นายธนวรรธน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมสอดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (เอซีดี) วันที่ 8-10 ตุลาคมนี้ จะมีผู้นำ 38 ประเทศเข้าร่วมประชุม ถือเป็นโอกาสดีที่จะทำให้นานาประเทศรู้จักประเทศไทยมากขึ้น โดยไทยจะใช้เวทีดังกล่าวประชาสัมพันธ์นโยบายไทยแลนด์ 4.0 และจะมีการเลือกตั้งในปี 2560 รวมถึงภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตถึงปีหน้า ประกอบกับมีปัจจัยหนุนที่รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจตะวันออก เชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะดึงเม็ดเงินมาลงทุนในไทยมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย