ยูเออีพร้อมประมูล”บงกช-เอราวัณ”


กรุงเทพฯ
15 ก.พ.-ยูเออี พร้อมประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ รอเพียงการประกาศทีโออาร์ เดือนมีนาคมนี้
ชี้การเงินและเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งจากการลงทุนทั่วโลกสามารถแข่งขันสู้รายเดิมได้
ด้าน กระทรวงพลังงานเตรียมนำทีโออาร์เข้าสู้ที่ประชุม กพช.7
มี.ค.สูตรจะอ้างอิงน้ำมันดิบดูไบทดแทนสูตรเดิมอ้างอิงน้ำมันเตา


            นายราเชด อัล บลูชิ (Mr.Rashed
Al Blooshi
) กรรมการผู้จัดการ
บริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท
มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลแข่งขัน สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 2 แหล่ง
คือแหล่งเอราวัณและบงกช ที่จะหมดอายุสัมปทานเดิมลงในปี 2565-2566  โดยขณะนี้รอความชัดเจนร่างทีโออาร์ที่รัฐบาลไทยจะประกาศในเดือนมีนาคมนี้  ดังนั้น จึงไม่สามารถระบุได้ว่า จะเข้าประมูลในรูปแบบ
ป็นผู้ดำเนินการ
(Operator) หรือจะร่วมมือกับพันธมิตรในการร่วมประมูล
 ซึ่งจากการที่บริษัทแม่
 คือ  Mubadala Investment Company
(MIC)
เป็นบริษัทกองทุนเชิงกลยุทธ์ของ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) ซึ่งมีรัฐบาลอาบูดาบีถือหุ้นทั้งหมด มีประสบการณ์ เป็นพันธมิตรทางธุรกิจลงทุนในกว่า
30 ประเทศทั่วโลก และมีความเข้มแข็งทางด้านการเงิน
จึงมั่นใจว่าจะเป็นยุทธศาตร์ในการแข่งขันประมูลครั้งนี้



     “จุดแข็งสำคัญของบริษัท คือ
มีความสามารถทางด้านเงินลงทุน 
มีคุณภาพเรื่องการดำเนินการในด้านความปลอดภัย เป็นไปตามมาตรฐานสากล มีความชำนาญในการผลิตปิโตรเลียมทั่วโลก
เช่น โครงการผลิตก๊าซที่แหล่งดอลฟิน (
Dolphin Gas Project)ในตะวันออกกลาง ที่วางท่อส่งก๊าซยาว 364
กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 3 ประเทศ คือ การ์ต้า ยูเออี และโอมาน  รวมถึงพนักงานทั้งคนไทยและยูเออีมีประสิทธิภาพที่ดี
ก็จะช่วยการประมูลครั้งนี้และสนับสนุนการทำงานในด้านรักษาอัตราการผลิตของบริษัทในไทยได้ต่อไป”
 นายราเชดกล่าว

  ทั้งนี้ มูบาดาลา เข้ามาลงทุนในไทยตั้งแต่ปี
2547 จนถึงปัจจุบันใช้เงินลงทุนรวมจ่ายภาษีไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะนี้มีกำลังผลิตน้ำมันดิบรวมประมาณ
3 หมื่นบาร์เรลต่อวัน ใน 3 แหล่ง ประกอบด้วย แหล่งมโนราห์ กำลังผลิต 7,500
บาร์เรลต่อวัน แหล่งนงเยาว์ กำลังผลิต 8,000-8,500 บาร์เรลต่อวัน และแหล่งจัสมิน
กำลังผลิต 1.3 หมื่นบาร์เรลต่อวัน 
โดยปีนี้ คาดว่า จะใช้เงินลงทุนประมาณ 270-300 ล้านบาท
เพื่อดำเนินการรักษาอัตราการผลิตใน3แหล่งดังกล่าว


นายราเชด กล่าวด้วยว่า
บริษัทมองการลงทุนในอาเซียนว่าเป็นการลงทุนระยะยาว โดยใช้ไทยเป็นศูนย์กลาง หรือ
ฮับในการลงทุน ซึ่งนอกจากลงทุนในไทยแล้วยัง
ยังร่วมทุนกับบริษัทปิโตรนาสของมาเลเซีย
โดยเป็นผู้ดำเนินงานในแปลงสัมปทานเลขที่
SK320 ในโครงการผลิตก๊าซขนาดใหญ่รวมถึงแหล่ง Pegaga คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในปี 2563  รวมถึงยังมีโครงการผลิตก๊าซและพลังงานทดแทน
ประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ในอินโดนีเซีย
รวมถึงลงทุนด้านปิโตรเลียมในเวียดนาม

“ไทยเป็นฮับของมูบาดาลาในภูมิภาคอาเซียน
 โดยนอกจากมีที่ตั้งที่เชื่อมโยงกับประเทศต่างๆแล้ว
ยูเออีและไทยยังมีสัมพันธ์ ที่ดีกว่า 40 ปีแล้ว มีการเทรดดิ้งน้ำมัน ผ่าน ปตท. โดยนำเข้าจากยูเออีถึงครึ่งหนึ่งของความต้องการน้ำมันของไทย
นับเป็นการดำเนินงานแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี)ที่ดีต่อกัน”นายราเชดกล่าว

สำหรับการดำเนินการในไทย
มูบาดาลามีพนักงานประมาณ 200 คน และร้อยละ 85 เป็นคนไทย
และจากช่วงราคาน้ำมันดิบตกต่ำเมื่อกว่า 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้บริการจัดการ
ลดต้นทุนทุกด้าน ทำให้มีต้นทุนการผลิตต่อบาร์เรล จาก35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลลงมาอยู่ที่ประมาณ
20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ลดต้นทุนผลิตต่อหลุมผลิตจาก
7 ล้านดอลลาร์ เหลือ 3 ล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกันจากการจัดการและใช้เทคโนโลยีก็ทำให้สามารถผลิตน้ำมันจากแหล่งจัสมินได้รวมสูงถึง
70 ล้านบาร์เรล จากที่ในช่วงต้นคาดว่าจะมีสำรองเพียง 7 ล้านบาร์เรลเท่านั้น

ทั้งนี้ บริษัทก็สนใจเข้าร่วมโครงการต่างๆที่มีความคุ้มค่าในประเทศไทย
เช่น การนำเข้าแอลเอ็นจี หรือการลงทุนด้านพลังงานทดแทน ผ่านทางบริษัท
Masdar ที่เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านพลังงานทดแทนของ
MIC  

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ขณะนี้ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
กำลังพิจารณานำทีโออาร์ประมูลแหล่งเอราวัณแลบงกช
เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ในวันที่ 7 มี.ค.นี้
และเสนอเข้าครม.พิจาณาต่อไป โดยเงื่อนไขทีโออาร์ที่ยังอยู่ระหว่างหาข้อสรุป คือ
จะมีการกำหนดเพดานราคาก๊าซสูงสุด เพื่อใช้ในการประมูลหรือไม่ หรือจะกำหนดราคากลาง
รวมทั้งการปรับสูตรราคาซื้อขายก๊าซ ที่ไม่ต้องการให้แตกต่างจากปัจจุบัน
แต่เพื่อให้เป็นไปตามกลไกตลาดโลกนั้น
กำลังพิจารณาว่าจะปรับสูตรจากอ้างอิงน้่ำมันเตาย้อนหลัง 6-12 เดือน
เป็นอ้างอิงราคาน้ำมันดิบดูไบแทน ส่วนจะย้อนหลัง 6-12 เดือนหรือไม่
หรืออ้างอิงรายเดือน ยังขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐมนตรีฯเป็นหลัก แต่ทั้งนี้
เอกชนผู้ผลิตอุตสาหกรรมในประเทศ มองว่า สูตรราคาย้อนหลัง 6-12 เดือน
จะช่วยให้ราคาค่าไฟฟ้าไม่ผันผวนจนเกินไป
โดยหลักจาก ออกประกาศทีโออาร์ เดือนมี.ค.คาดว่าจะรู้ผลผู้ชนะการประมูลได้ภายในสิ้นปี2561
และลงนามในสัญญากับผู้ชนะประมูลได้ภายในเดือนก.พ. 2562
-สำนักข่าวไทย

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง