กทม.5 ก.พ.-ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ เอาผิด 6 ข้อหากับผู้ต้องหา 4 คน ที่ลอบเข้าไปแคมป์ ล่าสัตว์ป่าในเขตป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ยันตำรวจไม่ถูกทนายผู้ต้องหากดดัน ตามที่มีข่าวทางโซลเชียลมีเดีย
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตรง เปิดเผยกรณีมีข่าวจับกุม ซีอีโอ บริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ ลักลอบตั้งแคมป์ ล่าสัตว์ป่าในเขตป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ก่อนเจ้าหน้าที่เข้ายึดซากสัตว์ป่าคุ้มครองว่า พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้รับมอบตัวผู้ต้องหา 4 คน พร้อมของกลาง จากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกแล้ว ใน 6 ฐานความผิดคือ ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 36 และมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535, ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 16 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535, ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 19 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535, นำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามข้อ 1 (1) ของกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2538) ออกตามความตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535, ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนจึงได้ยื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ กรณีมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงในโลกโซลเชียลมีเดีย ในช่วงเช้าของวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกทางทนายความฝ่ายผู้ต้องหากดดัน ไม่เป็นความจริงเนื่องจากพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ เพิ่งได้รับมอบตัวผู้ต้องหาจากหน่วยพิทักษ์ป่าฯ เมื่อเวลา 15.30 น. เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้งานในโซเชียลมีเดีย ที่มีการเผยแพร่หรือแชร์ข้อความในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว โดยจะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในลักษณะนี้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย
