กทม. 8 ก.พ. – การทำคดีลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ที่มีผู้ต้องหาเป็นซีอีโอของบริษัทใหญ่ กรมอุทยานฯ ต้องหาพยานหลักฐานที่มีความรัดกุม ทั้งในที่เกิดเหตุและการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ นำชิ้นเนื้อของกลางส่งพิสูจน์ดีเอ็นเอในห้องปฏิบัติการ
ชิ้นเนื้อส่วนลำตัวเสือดำ เครื่องในเสือดำ ชิ้นส่วนหางเสือดำที่ถูกนำไปประกอบอาหาร เนื้อเก้งที่ชำแหละแล้ว เนื้อไก่ฟ้าหลังเทา ขนสัตว์ในที่เกิดเหตุ และเส้นขนบนตัวเสือดำ รวม 7 ตัวอย่าง ของกลางในคดีลักลอบล่าสัตว์ป่าสงวนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี ถูกส่งมายังหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรุงเทพฯ วันนี้ ทุกชิ้นบรรจุในลังโฟมแช่แข็งเพื่อรักษาสภาพให้สมบูรณ์
หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ระบุว่า ชิ้นส่วนสัตว์ป่าที่ถูกพบในที่เกิดเหตุ แม้ลักษณะภายนอกจะระบุได้ว่าเป็นสัตว์ป่าชนิดใด แต่ในทางคดียังอาจไม่มีน้ำหนักเท่าที่ควร ต้องนำมาสกัดและเพาะตัวอย่างในห้องทดลอง หาลำดับเพศ ในรหัสพันธุกรรม หรือ ดีเอ็นเอ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับคลังข้อมูลรหัสพันธุกรรมสากล (Genbank) จะสามารถระบุชนิดของสัตว์ป่าได้ชัดเจนเพื่อใช้ประกอบสำนวนคดี
รัฐมนตรีการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ กล่าวว่า ผู้กระทำผิดมีการวางแผนมาก่อนก่อเหตุ คณะทำงานจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานแวดล้อมให้สมบูรณ์ที่สุด และเชื่อมั่นว่าหลักฐานที่พบในจุดเกิดเหตุประกอบกับผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ จะมัดตัวผู้กระทำความผิดได้ชัดเจน
การตรวจพิสูจน์หาดีเอ็นเอเพื่อยืนยันชนิดของสัตว์ป่าในห้องปฏิบัติการ จะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จึงจะรู้ผลว่าชิ้นเนื้อที่นำมาตรวจตรงตามชนิดสัตว์ป่าที่เจ้าหน้าที่พบในที่เกิดเหตุจริงหรือไม่ แต่คดีการลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ที่ผู้ต้องหาเป็นซีอีโอบริษัทใหญ่ จึงมีการเร่งรัดผลตรวจให้แล้วเสร็จภายในวันอังคารหน้า. – สำนักข่าวไทย