กรมแพทย์แผนไทยฯ ระบุ “หมอแสง” เข้าข่ายเป็นหมอพื้นบ้าน

5 ก.พ. – กรมแพทย์แผนไทยฯ เผยพฤติกรรม “หมอแสง” เข้าข่ายเป็นหมอพื้นบ้าน วางกรอบรับรอง แต่ติดเอกสารไม่ครบ เหลือ 2 รายการ ขณะที่ “หมอแสง” เปลี่ยนวิธีการลงบันทึกประจำวันขอรับยาใหม่



การเดินทางมาขอรับยาสมุนไพรเพื่อรักษาโรคมะเร็งของหมอแสง หรือนายแสงชัย เลิศแหตระกูล ล่าสุดมีการเปลี่ยนวิธีการใหม่ ให้คนไข้และญาติที่รับยาเสร็จแล้วสามารถไปลงบันทึกประจำวันเพื่อขอรับยาในเดือนถัดไปได้เลย ไม่ต้องมาต่อคิวเป็นหลายชั่วโมงเหมือนที่ผ่านมา โดยยอดสะสมผู้ป่วยและญาติที่เดินทางมาลงบันทึกประจำวันเพื่อขอรับยาตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2560 มีทั้งสิ้น 10,000  คน เดือนมกราคม 2561 อีก 17,000 คน ส่วนเดือนกุมภาพันธ์ ล่าสุด ณ วันที่ 3 มีผู้มาขอรับยาแล้วทั้งสิ้น 22,000 คน คาดว่าในเดือนมีนาคมนี้ ยอดอาจทะลุถึง 30,000 คน


ขณะที่ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขั้นตอนการรับรองหมอแสง เป็นหมอพื้นบ้าน ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา ซึ่งจะต้องมีพฤติกรรมเข้าหลักเกณฑ์การเป็นหมอพื้นบ้าน 8 ข้อ ประกอบด้วย 

1.มีผู้รับมารับบริการสม่ำเสมอ และต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 10 ปี

2.สืบทอดความรู้จากบรรพบุรุษ หรือจากท้องถิ่น


3.มีความสามารถในการบำบัดรักษาโรค

4.ไม่หวงวิชา

5.มีการถ่ายทอดความรู้

6.ไม่เรียกร้องค่ารักษาเกินควร

7.เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากคนในชุมชน 

8.มีคุณธรรม 

ซึ่งขณะนี้ยังรอเอกสารเพิ่มเติม ได้แก่ ใบรับรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  การรับรองจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และการรับรองจากคนในชุมชนที่มารับบริการ 10 คน  

ส่วนการรับรองสรรพคุณยาสมุนไพรที่หมอแสงแจกนั้น ต้องรอการศึกษาวิจัยร่วมกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติ จะทราบผลในวันที่ 31 มีนาคมนี้ โดยสูตรยาที่ใช้และอ้างถึง มีทั้งข้าวเย็นเหนือ, ข้าวเย็นใต้, น้ำมันรำข้าว และเห็ดกระถินพิมาน จัดเป็นสมุนไพรพื้นบ้าน แต่ว่าสูตรยารักษามะเร็งก็มีความแตกต่างกันไปในแต่ละสูตร ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าตัวไหนฆ่าเซลล์มะเร็งเฉพาะ ส่วนข้อมูลที่หมอแสงนำมาของขึ้นทะเบียน ระบุคุณสมบัติในการรักษาโรค ได้แก่ ยาสั่ง และฝีในตับ เป็นต้น ทั้งจากการเก็บข้อมูลของกรมการแพทย์แผนไทยฯ และจากตัวอย่างผู้มารับยาหมอแสง 1,200 คน ขณะนี้ครบแล้ว เบื้องต้น 600 คน เป็นการสำรวจความรู้สึกในการใช้ยา แต่ไม่สามารถอ้างอิงสรรพคุณหรือประสิทธิภาพของยาได้ โดยยาทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ใน 3 ด้าน 1.กินได้ 2. นอนหลับ และ 3.มีแรง 

ทั้งนี้ หลังจากที่หมอแสงได้รับการรับรองเป็นหมอพื้นบ้าน ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ 4 ข้อ ตามระเบียบกรมแพทย์แผนไทยฯ ได้แก่ 1.การรักษาต้องทำโดยเฉพาะตน 2.ต้องปฏิบัติตามกรอบธรรมจรรยา มิรับประโยชน์ตอบแทน 3.ต้องปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานรัฐ และ4.ปฏิบัติงานในสถานพยาบาล หากผิดหลักเกณฑ์เหล่านี้สามารถยึดใบรับรองได้. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง