กรุงเทพฯ 2 ก.พ. – ยังคงมีผู้คนหลั่งไหลมารอรับยาสมุนไพรสูตรของ “หมอแสง” ที่ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งแจกให้ทุกต้นเดือน ขณะที่ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่า ผู้ป่วยมะเร็งระยะเริ่มแรกรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันมีโอกาสหายได้ แต่หากเลือกใช้เพียงสมุนไพร อาจทำให้เสียโอกาสในการรักษา และมีโอกาสเป็นอันตราย ด้านผู้ป่วยมะเร็งใช้หลายเหตุผลในการตัดสินใจเลือกรักษาทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือก
ปัจจุบันผู้ชายคนนี้มีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติ แต่เมื่อ 11 ปีที่แล้ว เขาป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย ต้องผ่านการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อร้ายบริเวณลำไส้ออก และทำคีโม 12 ครั้ง จนเชื้อมะเร็งที่ลุกลามจากลำไส้ไปยังต่อมน้ำเหลืองกว่า 40 จุด หายไป
เขาเล่าว่า เลือกรักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน เพราะวิธีการรักษาได้รับการยอมรับ มีผลการศึกษาวิจัยรับรอง ในครั้งนั้นเคยคิดจะรับประทานยาสมุนไพรเหมือนกัน แต่คิดว่าไม่เหมาะกับตัวเอง
อดีตผู้ป่วยมะเร็งคนนี้ และเป็นประธานชมรมสายใยความหวังผู้ป่วย ซึ่งมีกิจกรรมพบปะให้กำลังใจ ผู้ป่วยโรคยืดเยื้อหลายโรค รวมทั้งโรคมะเร็ง ยังมองว่า การรักษาโรคมะเร็งกับแพทย์แผนปัจจุบันตามขั้นตอนที่ถูกต้อง มักมีผลข้างเคียง ซึ่งแลกด้วยความเจ็บปวด ส่วนการที่ผู้ป่วยมะเร็งบางคนหันไปรักษาด้วยแพทย์ทางเลือก ถือเป็นอีกหนึ่งความหวัง และที่เลือกสมุนไพร เพราะคิดว่าทรมานน้อยกว่า
ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ให้ทัศนะว่า ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยยืนยันว่า สมุนไพรรักษามะเร็งได้ ขณะที่ผู้ป่วยมะเร็งระยะแรก มีโอกาสหายได้ ถ้ารักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน เช่น การใช้เคมีบำบัด การฉายรังสี และการผ่าตัด
เมื่อปีที่แล้ว วารสารของสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐ เปิดเผยงานวิจัยระบุว่า ผู้ป่วยมะเร็งที่ตัดสินใจรักษาด้วยวิธีทางเลือก เช่น การใช้สมุนไพร มีแนวโน้มเสียชีวิตภายใน 5 ปี หลังจากมีการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง มากกว่าผู้ที่รักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน
ส่วนในไทยยังไม่มีการเก็บตัวเลขผู้ป่วยมะเร็งที่เลือกรักษาแพทย์แผนไทย แต่ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ บอกว่า ที่ผ่านมามีผู้ป่วยมะเร็งบางรายเลือกหันหลังให้แพทย์แผนปัจจุบัน มุ่งไปรักษาแพทย์ทางเลือกมากขึ้น และเมื่ออาการไม่ดีอย่างที่คิดไว้ จึงกลับมารักษาด้วยวิธีการทางแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งกระบวนการรักษาต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด และเสี่ยงที่มะเร็งอาจลุกลามไปมากกว่าเดิม. – สำนักข่าวไทย