รร.พลาซ่าแอทธินี 29 ม.ค. – รองนายกรัฐมนตรีเผยอีอีซีเริ่มสตาร์ทเครื่องร่าง พ.ร.บ.ใกล้คลอด ครม.สัญจรภาคตะวันออกเตรียมพิจารณาอีกหลายโครงการ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา “Move Thailand 4.0 ยกระดับอุตสาหกรรม เทคโนโลยี” ว่า ร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกผ่านการพิจารณาสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คาดว่าจะมีผลบังคับใช้เร็ว ๆ นี้ และในการประชุม ครม.นอกสถานที่ภาคตะวันออก เตรียมพิจารณาอีกหลายโครงการ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ระบบราง ท่าเรือ และการส่งเสริมเกษตรแปรรูป ไบโอชีวภาพและการท่องเที่ยว เพราะภาคตะวันออกเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ แม้จะเลื่อนการเลือกตั้ง แต่รัฐบาลจะเร่งรัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด เมื่อดำเนินการทุกอย่างเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุน การสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้จะทำให้นักลงทุนยังคงลงทุนอยู่กับไทย
นายสมคิด กล่าวว่า เพื่อให้ภาคตะวันออกเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุน รัฐบาลจึงตั้งเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อเน้นลงทุนในยุคดิจิทัล สร้างรถไฟฟ้า ระบบราง ถนน อำนวยความสะดวกการลงทุน แม้จะเหลือเวลาเพียง 1 ปี จะทำจนถึงวันสุดท้าย และในอนาคตจะรู้ว่าอีอีซีจำเป็นต้องเกิดขึ้น เพราะหลายประเทศทั้งเวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ก้าวกระโดดไปมากแล้ว รัฐบาลจึงต้องการให้สถาบันการศึกษาปรับหลักสูตรรองรับความต้องการของเอกชนทั้งอาชีวะและหลายระดับร่วมกับเอกชนในการสร้างสถาบันฝึกอบรมบุคลากรให้สอดคล้องกับความต้องการของเอกชน
ทั้งนี้ เมื่ออาเซียนเป็นบ่อทองสำคัญความเจริญมาสู่อาเซียน หลายประเทศต้องการเข้ามาลงทุน เพราะอาเซียนร่วมกับหลายประเทศ ทั้งอาเชียน-อินเดีย, อาเซียน-จีน, อาเซียน-รัสเซีย ญี่ปุ่น จีน เริ่มให้ความสนใจเข้ามาลงทุนรถไฟฟ้า นับว่ายักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจเริ่มสนใจ เมื่อโอกาสเริ่มเปิดกว้างขึ้นไทยจึงต้องเร่งคว้าโอกาส เพื่อให้เกิดความโดดเด่นในกลุ่มอาเซียน ยอมรับยังมีคู่แข่งสำคัญ ทั้งอินโดนีเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ เมื่อไทยได้รับความสนใจจากต่างชาตินักลงทุนรายใหญ่ต้องการขยายการลงทุนในประเทศต่อเนื่อง
หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์จีดีพีโลกขยายตัวร้อยละ 3.9 ในปีนี้ แสดงว่าการค้าโลกเริ่มขยายตัวได้ดีจากปีก่อนการส่งออกขยายตัวร้อยละ 9.9 จึงคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องไปอีก เพราะเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป จีน อินเดีย รัสเซีย ฟื้นตัว เมื่อรัฐบาลรัฐวิสาหกิจเร่งรัดการลงทุน การท่องเที่ยวเติบโต การบริโภคเริ่มฟื้นตัว ปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ แต่เศรษฐกิจจะดีต่อไปได้อย่างไร อยู่ในมือของประชาชนที่จะเลือกทิศทางของประเทศในอนาคต เมื่อเศรษฐกิจยุคดิจิทัลทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง จึงต้องเตรียมพร้อมรองรับ
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ของโลก เมื่อต้องพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า จึงต้องพัฒนาผลิต พัฒนาระบบไฟฟ้า แบตเตอรี่ ไม่ใช่ประกอบรถยนต์เหมือนเดิม เพราะไทยมีศักยภาพทำได้ และเมื่อไทยมีศักยภาพด้านเกษตร จึงต้องปรับมาผลิตเกษตรสมัยใหม่ แปรรูป อาหารเชิงสุขภาพ อาหารเหมาะเฉพาะกลุ่มนักกีฬา ผู้สูงวัย ผู้รักษ์สุขภาพ ผ่านไบโออีโคโนมีผ่านเทคโนโลยีชั้นสูงเป็นที่ต้องการของตลาด การทำบรรจุภัณฑ์เป็นมิตต่อสิ่งแวดล้อม อีอีซีเป็นฐานใหญ่พร้อมขยายไปยังภาคอื่นของไทย อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เริ่มนำไปใช้ทุกส่วนของภาคอุตสาหกรรม ที่ผ่านมาไทยนำเข้ามามูลค่านับแสนล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมช่วยเหลือลดต้นทุนในช่วง 3 ปีแรก 50,000 ราย จากนั้นเกิน 3 ปี ขยายเพิ่มเป็น 250,000 ราย ใช้งบกลางปี 1,000 ล้านบาท ปล่อยกู้ผ่านกองทุนดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 1-3 ไม่ต้องมีหลักประกันเพิ่ม เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาพรุ่งนี้ (30 ม.ค.) .- สำนักข่าวไทย