สนช.ย้ำข้อเสนอขยายเวลาบังคับใช้พ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส.

รัฐสภา 25 ม.ค.- สนช.ถกร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. หนุนขยายเวลาบังคับใช้ เพื่อให้ทุกฝ่ายเตรียมการเลือกตั้ง


การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้ (25 ม.ค.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เป็นประธานประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)พ.ศ. …. ที่คณะกรรมาธิการฯพิจารณาเสร็จแล้ว และแก้ไขหลายประเด็น รวมทั้งประเด็นใหญ่ในมาตรา 2 เรื่องการขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ที่เดิมกำหนดให้มีผลบังคับใช้ในวันถัดไปหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่กรรมาธิการฯแก้ไขให้ขยายเวลาบังคับใช้เป็น 90 วันหลังประกาศใช้

นายวิทยา ผิวผ่อง ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. กล่าวว่า ร่างพ.ร.ป.ฉบับนี้มี178 มาตรา กรรมาธิการฯ แก้ไข 30 มาตรา และบัญญัติเพิ่ม 2 มาตรา ซึ่งมาตราสำคัญที่กรรมาธิการฯ ปรับแก้ไข ได้แก่มาตรา 2 ที่ให้กฎหมายฉบับนี้ใช้บังคับ เมื่อพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป กรรมาธิการฯ ได้ชี้แจงเหตุผลการยืดระยะเวลาการบังคับใช้ เพื่อให้พรรคผู้เกี่ยวข้องได้ทำการศึกษากฎหมายก่อนปฏิบัติตาม 


นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน กรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อยเสนอให้กฎหมายฉบับนี้ ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 120 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เนื่องจากมีเรื่องใหม่ที่พรรคการเมืองและกกต.ต้องดำเนินการ ดังนั้น หากขยาย 90 วัน แล้วไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ทันจะทำให้เกิดปัญหา จึงขอให้ขยับออกไปอีก 30 วัน เป็น 120 วัน

ขณะที่นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมาธิการฯ ตัวแทนจากกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)  เป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อย คงยืนยันให้เป็นไปตามร่างเดิมคือให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ในวันถัดไปหลังประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เพราะระยะเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ 150 วันสามารถยืดหยุ่นได้ ซึ่งมากกว่ารัฐธรรมนูญ 2550 ที่กำหนดไว้เพียง 90 วัน ซึ่งพรรคการเมืองสามารถเตรียมการได้ทันอยู่แล้ว อีกทั้งที่ผ่านมารัฐบาล คสช. รวมถึงกกต. ไม่เคยหารือหรือส่งสัญญาณใด ๆ มายังกรธ.ว่าให้ขยายเวลาการบังคับใช้ 

ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสนช. อภิปรายตั้งคำถามต่อกรรมาธิการฯว่า เหตุใดจึงขยายระยะเวลาการบังคับใช้ เพราะตามสถิติที่มีการขยายระยะเวลา รัฐบาลจะเป็นผู้เสนอ แต่ในการปรับแก้ครั้งนี้สนช. เป็นผู้ปรับแก้เอง จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องเช่นกกต.ชี้แจงว่าจำเป็นจะต้องขยายระยะเวลาหรือไม่ หรือเป็นเพียงการขยายระยะเวลาให้รัฐบาลปั่นผลงานในช่วงโค้งสุดท้าย 


ส่วนนายสมชาย แสวงการ สมาชิกสนช. อภิปรายโดยอ้างถึงพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ให้พรรคการเมืองต้องปฏิบัติตาม โดยเฉพาะเรื่องการทำไพรมารี่โหวตในการหาตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่จำเป็นต้องมี เพื่อให้เกิดการปฏิรูปการเมือง ซึ่งมีข้อบังคับว่า ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนส่งรายชื่อผู้สมัครให้กกต. อีกทั้งยังมีเงื่อนไขเรื่องการสรรหากกต.ที่ยังไม่เรียบร้อย ดังนั้น ควรกำหนดขยายเวลาเผื่อไว้ 180 วัน เพื่อไม่ต้องมาออกคำสั่งคสช.อีก 

นายเสรี สุวรรณภานนท์ กรรมาธิการฯเสียงข้างมาก ชี้แจงว่า ถ้าปล่อยให้เป็นไปตามร่างเดิมแล้วพรรคการเมืองส่งผู้สมัครไปทัน จะมาอ้างได้ว่าเห็นช่องทางอยู่แล้วว่าไม่ทัน แล้วยังไม่แก้ไข จะถือเป็นการกลั่นแกล้งพรรคการเมือง 

สำหรับประเด็นที่มีการอภิปรายกันมากอีกประเด็นคือ มาตรา 35 ที่กรรมาธิการฯเสียงข้างมากเพิ่มวรรค 4 กรณีที่ผู้มีสิทธิแล้วไม่ไปใช้สิทธิ จะถูกตัดสิทธิการสมัครเข้ารับราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของส่วนงานรัฐสภา และตัดสิทธิการได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการบริหารฝ่ายรัฐสภา รวมถึงสิทธิในการเป็นข้าราชการการเมือง  จากตามร่างเดิมให้ตัดสิทธิสมัครส.ส. สมาชิกสภาท้องถิ่น เข้ารับการสรรหาเป็นส.ว. และสมัครเข้ารับเลือกเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้าน เท่านั้น

นายประพันธ์ นัยโกวิท กรธ. ซึ่งเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ขอให้คงตามร่างเดิม เพราะการกำหนดดังกล่าวจะกระทบกับสิทธิของประชาชน และเป็นห่วงเยาวชนที่เพิ่งอายุครบ 18 ปี อาจจะไม่เข้าใจ และบางครั้งอาจจะไม่ได้ไปใช้สิทธิ จะทำให้ถูกตัดสิทธิ์ในการสมัครเข้ารับราชการเมื่อเรียนจบ

ทั้งนี้ สนช.ที่อภิปรายส่วนใหญ่มองว่าการกำหนดดังกล่าวถือเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ อาทิ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสนช. กล่าวว่าการเพิ่มวรรค 4 ดังกล่าวถือเป็นการจำกัดสิทธิของประชาชนเกินสมควร ซึ่งรับไม่ได้ อีกทั้งส่อขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้สงสัยได้ว่า มีเจตนาเพิ่มข้อความดังกล่าว เพื่อนำไปสู่การร้องให้ตีความว่ากฎหมายฉบับนี้ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งถือว่าไม่ดีงาม และถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมือง  

นายตวง อันทะไชย สมาชิกสนช. กล่าวว่า เนื้อหาตามร่างเดิมเหมาะสมแล้วที่ตัดสิทธิทางการเมือง ในกรณีที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่การเพิ่มข้อความให้ตัดสิทธิการเข้ารับราชการ และพนักงานลูกจ้างรัฐสภา ถือเป็นการจำกัดสิทธิของประชาชนเกินไป และเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากกรรมาธิการฯไปตัดออก จะไปร้องศาลรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน 

ด้านกรรมาธิการเสียงข้างมากอาทิ นายเสรี สุวรรณภานนท์ นายธานี อ่อนละเอียด กล่าวว่า เรื่องขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถือเป็นความเห็นที่แตกต่าง แต่กรรมาธิการฯมีเจตนาที่จะทำให้คนมาออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งกันมาก ๆ และในกรณีที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ก็สามารถแจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิ์ได้ 

สำหรับมาตรา 45 ที่กำหนดให้ผู้สมัคร ส.ส. ต้องยื่นหลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาติดต่อกัน 3 ปี เว้นแต่ผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยันพร้อมทั้งสาเหตุการไม่เสียภาษีและเปิดเผยนั้น มีกรรมาธิการเสียงข้างน้อยขอตัดออก โดยให้เหตุผลว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล 

ขณะที่ในการอภิปรายมาตรา 75 วงเล็บ 3 เกี่ยวกับกำหนดให้การหาเสียงผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต้องยุติก่อนเวลา 18.00 น.ก่อนถึงวันเลือกตั้ง และแก้ไขให้สามารถ    จัดแสดงมหรสพ งานรื่นเริง ประกอบการหาเสียงของพรรคการเมืองได้ เพื่อจูงใจให้ประชาชนรับฟังการหาเสียงมากขึ้น พร้อมกำหนดงบประมาณและเพดานในการหาเสียงเท่ากัน

โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ กรรมาธิการเสียงข้างมาก กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการใช้มหรสพมีการใช้ง่ายเงินที่มีเป้าหมายที่แน่นอน ดังนั้น การได้เปรียบเสียเปรียบไม่ใช่อุปสรรคปัญหา เพราะมีการควบคุมการใช้จ่ายเงิน ซึ่งการมีมหรสพยังเป็นการสร้างอาชีพ เปิดโอกาสในช่วงเลือกตั้งให้กับประชาชนสามารถสร้างรายได้ รวมทั้งยังปลูกฝังนโยบายให้กับเยาวชนไปในคราวเดียวกัน พร้อมย้ำว่า สิ่งที่กรรมาธิการเสนอถือเป็นความกล้าที่จะพัฒนาประเทศ ที่สำคัญการจัดมหรสพไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งว่าจะสุจริต ยุติธรรม ฉะนั้น การจัดมหรสพไม่กระทบต่อการเลือกตั้ง

ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ สนช. อภิปรายว่า ควรต้องกำหนดให้ชัดเจนว่ามหรสพใดที่เข้าข่ายจากกระทำได้หรือไม่ได้ กำหนดกรอบวงเงินที่สามารถนำมาดำเนินการเพื่อจัดมหรสพอย่างชัดเจน เพื่อไม่เป็นการเปิดช่องให้ใช้เงินในการจัดมหรสพมากเกินกว่าความเป็นจริง 

นายตวง อันทะไชย สมาชิก สนช. เห็นว่า การจ้างดารามาแข่งกัน เป็นการสร้างมิติใหม่ทางการเมือง แต่ต้องคำนึงถึงค่านิยมและวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงไป เห็นควรใช้วิธีการอื่น เพราะการทำเช่นนั้น ไม่สามารถควบคุมได้และอาจเป็นการสร้างปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม

ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมาธิการฯ เห็นควรกำหนดให้ กกต. สามารถเข้าไปตรวจสอบการจัดมหรสพของพรรคการเมืองได้ มิเช่นนั้นอาจทำให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่

ส่วนมาตรา 75 เรื่องเกี่ยวกับเครื่องลงคะแนน สมาชิกบางส่วนเห็นควรให้ตัดออก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม สนช. ใช้เวลาในการพิจารณาร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.จนถึง 18.00น. ยังไม่แล้วเสร็จ พิจารณาถึงมาตรา87 จาก 174 มาตรา โดยหลังพิจารณาครบแล้วจะมีการลงมติรายมาตรา ตามวาระ2 และวาระ3ต่อไป.-สำนักข่าวไทย              

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยฝนฟ้าคะนอง ตกหนักบางแห่ง

กทม. 13 ก.ย.-กรมอุตุฯ รายงานไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสาน ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตะวันออก และใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน […]

“พล.ท.บุญสิน” ยันยังไม่ดำเนินการโครงการอบรมโดรนเกษตร

กทม. 12 ก.ย.- “พล.ท.บุญสิน” แจงบริษัทเอกชนมามอบของ-ถ่ายรูป พร้อมเสนอโครงการอบรมโดรนเกษตร ยืนยันยังไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อวันที่ 12 ก.ย.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่มีบริษัทเอกชนเข้ามาถ่ายรูปร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 2 โดยมีการนำโครงการ “อบรมการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ให้กับทหารเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะ เพื่อใช้ในการเกษตร” วานนี้ (11 ก.ย.) ว่า บริษัทดังกล่าวได้เข้ามาพบเหมือนกับพี่น้องประชาชนและบริษัทต่างๆ ที่เข้ามาพบมอบของ เพียงแต่ว่าทางบริษัทนี้เข้ามานำเสนอโครงการโดรน ตนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมาก เพียงแต่รับฟังไว้ ประมาณ 10 นาที ทางคณะดังกล่าวก็ขอถ่ายภาพ ก่อนเดินทางกลับ “ผมยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการดำเนินการทำอะไรเลย ยังไม่ผ่านการตรวจสอบให้รอบคอบ ยืนยันอีกครั้งยังไม่ได้ดำเนินการอะไรทั้งนั้น” พล.ท.บุญสิน กล่าว.-313.-สำนักข่าวไทย

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

ผลักดัน “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว 7 คน กลับกัมพูชา

จันทบุรี 12 ก.ย. – ตม.ศรีสะเกษ ประสาน ตม.จันทบุรี ส่งตัว “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว รวม 7 คน กลับกัมพูชา หลังถูกกล่าวหาเป็นไส้ศึก และถูกชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ทั้งยังพบอาศัยอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นำตัวนางเขื่อน ชาวกัมพูชา และสมาชิกครอบครัว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอรับตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา นางเขื่อน ถูกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันขับไล่ หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น “ไส้ศึก” คอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารไทยให้กับฝ่ายกัมพูชา และยังพบว่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบการต่างประเทศ เพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา. – สำนักข่าวไทย