สนช.ย้ำข้อเสนอขยายเวลาบังคับใช้พ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส.

รัฐสภา 25 ม.ค.- สนช.ถกร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. หนุนขยายเวลาบังคับใช้ เพื่อให้ทุกฝ่ายเตรียมการเลือกตั้ง


การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้ (25 ม.ค.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เป็นประธานประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)พ.ศ. …. ที่คณะกรรมาธิการฯพิจารณาเสร็จแล้ว และแก้ไขหลายประเด็น รวมทั้งประเด็นใหญ่ในมาตรา 2 เรื่องการขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ที่เดิมกำหนดให้มีผลบังคับใช้ในวันถัดไปหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่กรรมาธิการฯแก้ไขให้ขยายเวลาบังคับใช้เป็น 90 วันหลังประกาศใช้

นายวิทยา ผิวผ่อง ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. กล่าวว่า ร่างพ.ร.ป.ฉบับนี้มี178 มาตรา กรรมาธิการฯ แก้ไข 30 มาตรา และบัญญัติเพิ่ม 2 มาตรา ซึ่งมาตราสำคัญที่กรรมาธิการฯ ปรับแก้ไข ได้แก่มาตรา 2 ที่ให้กฎหมายฉบับนี้ใช้บังคับ เมื่อพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป กรรมาธิการฯ ได้ชี้แจงเหตุผลการยืดระยะเวลาการบังคับใช้ เพื่อให้พรรคผู้เกี่ยวข้องได้ทำการศึกษากฎหมายก่อนปฏิบัติตาม 


นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน กรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อยเสนอให้กฎหมายฉบับนี้ ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 120 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เนื่องจากมีเรื่องใหม่ที่พรรคการเมืองและกกต.ต้องดำเนินการ ดังนั้น หากขยาย 90 วัน แล้วไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ทันจะทำให้เกิดปัญหา จึงขอให้ขยับออกไปอีก 30 วัน เป็น 120 วัน

ขณะที่นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมาธิการฯ ตัวแทนจากกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)  เป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อย คงยืนยันให้เป็นไปตามร่างเดิมคือให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ในวันถัดไปหลังประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เพราะระยะเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ 150 วันสามารถยืดหยุ่นได้ ซึ่งมากกว่ารัฐธรรมนูญ 2550 ที่กำหนดไว้เพียง 90 วัน ซึ่งพรรคการเมืองสามารถเตรียมการได้ทันอยู่แล้ว อีกทั้งที่ผ่านมารัฐบาล คสช. รวมถึงกกต. ไม่เคยหารือหรือส่งสัญญาณใด ๆ มายังกรธ.ว่าให้ขยายเวลาการบังคับใช้ 

ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสนช. อภิปรายตั้งคำถามต่อกรรมาธิการฯว่า เหตุใดจึงขยายระยะเวลาการบังคับใช้ เพราะตามสถิติที่มีการขยายระยะเวลา รัฐบาลจะเป็นผู้เสนอ แต่ในการปรับแก้ครั้งนี้สนช. เป็นผู้ปรับแก้เอง จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องเช่นกกต.ชี้แจงว่าจำเป็นจะต้องขยายระยะเวลาหรือไม่ หรือเป็นเพียงการขยายระยะเวลาให้รัฐบาลปั่นผลงานในช่วงโค้งสุดท้าย 


ส่วนนายสมชาย แสวงการ สมาชิกสนช. อภิปรายโดยอ้างถึงพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ให้พรรคการเมืองต้องปฏิบัติตาม โดยเฉพาะเรื่องการทำไพรมารี่โหวตในการหาตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่จำเป็นต้องมี เพื่อให้เกิดการปฏิรูปการเมือง ซึ่งมีข้อบังคับว่า ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนส่งรายชื่อผู้สมัครให้กกต. อีกทั้งยังมีเงื่อนไขเรื่องการสรรหากกต.ที่ยังไม่เรียบร้อย ดังนั้น ควรกำหนดขยายเวลาเผื่อไว้ 180 วัน เพื่อไม่ต้องมาออกคำสั่งคสช.อีก 

นายเสรี สุวรรณภานนท์ กรรมาธิการฯเสียงข้างมาก ชี้แจงว่า ถ้าปล่อยให้เป็นไปตามร่างเดิมแล้วพรรคการเมืองส่งผู้สมัครไปทัน จะมาอ้างได้ว่าเห็นช่องทางอยู่แล้วว่าไม่ทัน แล้วยังไม่แก้ไข จะถือเป็นการกลั่นแกล้งพรรคการเมือง 

สำหรับประเด็นที่มีการอภิปรายกันมากอีกประเด็นคือ มาตรา 35 ที่กรรมาธิการฯเสียงข้างมากเพิ่มวรรค 4 กรณีที่ผู้มีสิทธิแล้วไม่ไปใช้สิทธิ จะถูกตัดสิทธิการสมัครเข้ารับราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของส่วนงานรัฐสภา และตัดสิทธิการได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการบริหารฝ่ายรัฐสภา รวมถึงสิทธิในการเป็นข้าราชการการเมือง  จากตามร่างเดิมให้ตัดสิทธิสมัครส.ส. สมาชิกสภาท้องถิ่น เข้ารับการสรรหาเป็นส.ว. และสมัครเข้ารับเลือกเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้าน เท่านั้น

นายประพันธ์ นัยโกวิท กรธ. ซึ่งเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ขอให้คงตามร่างเดิม เพราะการกำหนดดังกล่าวจะกระทบกับสิทธิของประชาชน และเป็นห่วงเยาวชนที่เพิ่งอายุครบ 18 ปี อาจจะไม่เข้าใจ และบางครั้งอาจจะไม่ได้ไปใช้สิทธิ จะทำให้ถูกตัดสิทธิ์ในการสมัครเข้ารับราชการเมื่อเรียนจบ

ทั้งนี้ สนช.ที่อภิปรายส่วนใหญ่มองว่าการกำหนดดังกล่าวถือเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ อาทิ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสนช. กล่าวว่าการเพิ่มวรรค 4 ดังกล่าวถือเป็นการจำกัดสิทธิของประชาชนเกินสมควร ซึ่งรับไม่ได้ อีกทั้งส่อขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้สงสัยได้ว่า มีเจตนาเพิ่มข้อความดังกล่าว เพื่อนำไปสู่การร้องให้ตีความว่ากฎหมายฉบับนี้ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งถือว่าไม่ดีงาม และถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมือง  

นายตวง อันทะไชย สมาชิกสนช. กล่าวว่า เนื้อหาตามร่างเดิมเหมาะสมแล้วที่ตัดสิทธิทางการเมือง ในกรณีที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่การเพิ่มข้อความให้ตัดสิทธิการเข้ารับราชการ และพนักงานลูกจ้างรัฐสภา ถือเป็นการจำกัดสิทธิของประชาชนเกินไป และเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากกรรมาธิการฯไปตัดออก จะไปร้องศาลรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน 

ด้านกรรมาธิการเสียงข้างมากอาทิ นายเสรี สุวรรณภานนท์ นายธานี อ่อนละเอียด กล่าวว่า เรื่องขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถือเป็นความเห็นที่แตกต่าง แต่กรรมาธิการฯมีเจตนาที่จะทำให้คนมาออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งกันมาก ๆ และในกรณีที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ก็สามารถแจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิ์ได้ 

สำหรับมาตรา 45 ที่กำหนดให้ผู้สมัคร ส.ส. ต้องยื่นหลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาติดต่อกัน 3 ปี เว้นแต่ผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยันพร้อมทั้งสาเหตุการไม่เสียภาษีและเปิดเผยนั้น มีกรรมาธิการเสียงข้างน้อยขอตัดออก โดยให้เหตุผลว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล 

ขณะที่ในการอภิปรายมาตรา 75 วงเล็บ 3 เกี่ยวกับกำหนดให้การหาเสียงผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต้องยุติก่อนเวลา 18.00 น.ก่อนถึงวันเลือกตั้ง และแก้ไขให้สามารถ    จัดแสดงมหรสพ งานรื่นเริง ประกอบการหาเสียงของพรรคการเมืองได้ เพื่อจูงใจให้ประชาชนรับฟังการหาเสียงมากขึ้น พร้อมกำหนดงบประมาณและเพดานในการหาเสียงเท่ากัน

โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ กรรมาธิการเสียงข้างมาก กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการใช้มหรสพมีการใช้ง่ายเงินที่มีเป้าหมายที่แน่นอน ดังนั้น การได้เปรียบเสียเปรียบไม่ใช่อุปสรรคปัญหา เพราะมีการควบคุมการใช้จ่ายเงิน ซึ่งการมีมหรสพยังเป็นการสร้างอาชีพ เปิดโอกาสในช่วงเลือกตั้งให้กับประชาชนสามารถสร้างรายได้ รวมทั้งยังปลูกฝังนโยบายให้กับเยาวชนไปในคราวเดียวกัน พร้อมย้ำว่า สิ่งที่กรรมาธิการเสนอถือเป็นความกล้าที่จะพัฒนาประเทศ ที่สำคัญการจัดมหรสพไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งว่าจะสุจริต ยุติธรรม ฉะนั้น การจัดมหรสพไม่กระทบต่อการเลือกตั้ง

ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ สนช. อภิปรายว่า ควรต้องกำหนดให้ชัดเจนว่ามหรสพใดที่เข้าข่ายจากกระทำได้หรือไม่ได้ กำหนดกรอบวงเงินที่สามารถนำมาดำเนินการเพื่อจัดมหรสพอย่างชัดเจน เพื่อไม่เป็นการเปิดช่องให้ใช้เงินในการจัดมหรสพมากเกินกว่าความเป็นจริง 

นายตวง อันทะไชย สมาชิก สนช. เห็นว่า การจ้างดารามาแข่งกัน เป็นการสร้างมิติใหม่ทางการเมือง แต่ต้องคำนึงถึงค่านิยมและวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงไป เห็นควรใช้วิธีการอื่น เพราะการทำเช่นนั้น ไม่สามารถควบคุมได้และอาจเป็นการสร้างปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม

ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมาธิการฯ เห็นควรกำหนดให้ กกต. สามารถเข้าไปตรวจสอบการจัดมหรสพของพรรคการเมืองได้ มิเช่นนั้นอาจทำให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่

ส่วนมาตรา 75 เรื่องเกี่ยวกับเครื่องลงคะแนน สมาชิกบางส่วนเห็นควรให้ตัดออก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม สนช. ใช้เวลาในการพิจารณาร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.จนถึง 18.00น. ยังไม่แล้วเสร็จ พิจารณาถึงมาตรา87 จาก 174 มาตรา โดยหลังพิจารณาครบแล้วจะมีการลงมติรายมาตรา ตามวาระ2 และวาระ3ต่อไป.-สำนักข่าวไทย              

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย

จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือน “ตาเมือนธม”

สุรินทร์ 20 ก.ค.- จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือนปราสาท “ตาเมือนธม” ด้านทหารไทย-ฝ่ายปกครอง จัดกำลังดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวไทยใกล้ชิด บรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันนี้ ถูกจับตามองเป็นพิเศษ หลังมีรายงานว่าทางกัมพูชาเตรียมเกณฑ์นักท่องเที่ยวชาวเขมรขึ้นมาเยือนปราสาทตาเมือนธม ซึ่งขณะนี้ทราบว่า มวลชนมาด้วยรถโดยสารประจำทางของฝั่งกัมพูชาเกือบ 23 คันรถ โดยจอดอยู่ข้างล่างฝั่งกัมพูชาและเริ่มทยอยขึ้นมายังปราสาทตาเมือนธมอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศภายในตัวปราสาทฯ ยังคงเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและกัมพูชา ท่ามกลางการดูแลอำนวยความสะดวกของเจ้าที่ทหารไทยเป็นอย่างดี ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใด -สำนักข่าวไทย

Vietnam's Halong Bay boat disaster

พายุ “วิภา” ทำเรือท่องเที่ยวล่มในเวียดนาม

ฮานอย 20 ก.ค.- เกิดอุบัติเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มในอ่าวฮาลองหรือฮาลองเบย์ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเวียดนามที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 38 คน และยังไม่พบตัวอีก 5 คน หนังสือพิมพ์วีเอ็นเอ็กซ์เพรสส์ของเวียดนามรายงานว่า เรือท่องเที่ยวชื่อวันเดอร์ซี (Wonder Sea) พลิกคว่ำในอ่าวฮาลองเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.วันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลาเดียวกันในไทย เป็นช่วงที่พายุโซนร้อนวิภา (Wipha) เคลื่อนตัวข้ามทะเลจีนใต้เข้าใกล้เวียดนาม มีรายงานกระแสลมแรง ฝนตกหนัก และฟ้าผ่าในพื้นที่ดังกล่าว ขณะเกิดเหตุบนเรือมีชาวเวียดนามทั้งหมด 53 คน เป็นลูกเรือ 5 คน และผู้โดยสาร 48 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากกรุงฮานอย ซึ่งอยู่ห่างจากอ่าวฮาลองไปทางตะวันตกราว 165 กิโลเมตร และในจำนวนนี้เป็นเด็ก 20 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุได้ 10 คน และพบศพใกล้จุดที่เรืออับปาง โดยพบศพเด็กแล้ว 8 คน และยังคงค้นหาผู้สูญหายอยู่ 5 คน ท่ามกลางฝนที่ตกหนักต่อเนื่องเป็นอุปสรรคต่อภารกิจค้นหาและกู้ภัย นายกรัฐมนตรีฝั่ม มิงห์ […]