เพื่อไทยค้านเลื่อนบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งส.ส.

พรรคเพื่อไทย 24 ม.ค.- พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์คัดค้านเลื่อนบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งส.ส. ระบุขัดรัฐธรรมนูญ ทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของผู้มีอำนาจ และสืบทอดอำนาจ


พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอคัดค้านการเลื่อนระยะเวลาการบังคับใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  

ตามที่คณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ…. ได้มีมติเสียงข้างมากแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา  2 ของร่างกฎหมายดังกล่าว โดยให้กฎหมายมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นเวลา 90 วัน นับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้นัดประชุมเพื่อพิจารณาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ ในวันที่ 25 มกราคม 2561 นั้น 


พรรคเพื่อไทยเห็นว่า การมีมติของคณะกรรมาธิการขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยมีวาระทางการเมืองแอบแฝง เป็นการกระทำที่ไม่สุจริตและทำเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มผู้มีอำนาจ เปิดช่องให้มีการสืบทอดอำนาจและอยู่ในตำแหน่งต่อไป เป็นการกระทำที่ขาดความชอบธรรม และขาดความรับผิดชอบต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และขาดเหตุผลรองรับอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ 

1 คสช. ได้ใช้กลไกและเทคนิคหรืออภินิหารทางกฎหมาย หลายครั้งที่ทำให้เข้าใจ    ได้ว่าต้องการอยู่ในอำนาจให้ยาวนานที่สุด เริ่มตั้งแต่การที่ สปช. มีมติล้มร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ร่างโดยคณะกรรมาธิการยกร่าง ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน ทำให้นายบวรศักดิ์ ฯ ต้องออกมาพูดถึงเหตุผลของเรื่องดังกล่าวทำนองว่า เพราะเขาต้องการอยู่ยาว ต่อมาเมื่อมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ก็ได้วางกลไกในรัฐธรรมนูญให้ระยะเวลาของการเลือกตั้งยืดยาวออกไป เช่น การจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญของ กรธ. ก็ใช้เวลาถึง 240 วัน ไม่รวมระยะเวลาการพิจารณาของ สนช. และองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้อง 

ต่างกับการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวได้กำหนดให้จัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่จำเป็นต่อการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน นับจากวันที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ (ไม่ต้องรอให้รัฐธรรมนูญประกาศใช้) ขณะเดียวกัน คสช. ก็ใช้อำนาจในการออกประกาศ และคำสั่ง ห้ามพรรคการเมืองดำเนินการทางการเมืองตั้งแต่เมื่อมีการยึดอำนาจการปกครองเป็นต้นมา


นอกจากนี้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใน 150 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับมีผลใช้บังคับแล้ว ได้แก่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ขณะที่ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 กำหนดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ภายใน 90 วัน  

และดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่ง ส.ว. ภายใน 150 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. ใช้บังคับ เมื่อพิจารณากรอบเวลาดำเนินการแล้วจะแตกต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ถ้า คสช. และ กรธ. เห็นว่าการเลือกตั้งมีความสำคัญก็ต้องจัดให้มีกฎหมายทั้ง 4 ฉบับก่อน แต่กลับได้รับการพิจารณาหลังสุด ทั้งที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 ได้ให้ความสำคัญต่อกฎหมายทั้ง 4 ฉบับไว้เป็นลำดับต้น ๆ 

2 เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ประกาศใช้แล้ว     ซึ่งกฎหมายได้กำหนดให้พรรคการเมืองที่มีอยู่ คงเป็นพรรคการเมืองต่อไป และรับรองสมาชิกพรรคให้เป็นสมาชิกพรรคต่อไป และได้กำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินงานด้านธุรการของพรรคเพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง แต่ คสช. และ กกต. กลับตีความว่าประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองมีผลใช้บังคับอยู่ ทำให้พรรคการเมืองไม่อาจปฏิบัติตามกฎหมายได้ 

แทนที่ คสช. จะยกเลิกประกาศและคำสั่งดังกล่าว กลับออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 ยกเลิกสมาชิกพรรคและสาขาพรรคการเมืองที่มีอยู่เดิมและกำหนดเงื่อนไขและกรอบเวลาดำเนินการของพรรคการเมืองเสียใหม่ ซึ่งมีแต่เกิดผลเสียต่อพรรคการเมืองเดิม ขณะเดียวกันกลับเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มการเมืองที่เตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อรองรับการสืบทอดอำนาจของผู้นำ คสช. โดยมิได้ให้ความสำคัญว่า คำสั่งดังกล่าวจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญอย่างไร และกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของสมาชิกพรรคและพรรคการเมืองอย่างไร 

3 ระหว่างมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ของ สนช. คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กลับเสนอให้มีการเลื่อนระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายออกไปอีก 90 วัน โดยอ้างเรื่องเงื่อนไขและกรอบเวลาตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่  53/2560  จะเป็นปัญหาต่อพรรคการเมือง ซึ่งพรรคเห็นว่ามติดังกล่าวขาดความชอบธรรมและเหตุผลรองรับ ดังนี้

3.1 เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 ที่กำหนดให้จัดการเลือกตั้งภายใน  150 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ฉบับมีผลใช้บังคับแล้วนั้น ถือว่ามีความสำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับเงื่อนเวลาดังกล่าว การที่ กมธ. กำหนดให้ขยายระยะเวลาการมีผลใช้บังคับของกฎหมายออกไป 90 วัน ถือเป็นการจงใจที่จะฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และมิใช่เป็นการใช้อภินิหารทางกฎหมายเท่านั้นแต่ถือเป็น “การโกงกฎหมาย” ทีเดียว

3.2 ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 ไม่มีข้อใดที่ กมธ. จะยกเป็นข้ออ้างเพื่อขยายระยะเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไปได้ แต่ตรงกันข้ามเมื่อดูตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ข้อ 8 ที่กำหนดให้วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ใช้บังคับเป็นเงื่อนไขสำคัญของการยกเลิกประกาศ คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. ซึ่งรวมถึงประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ด้วย ดังนั้น การเลื่อนระยะเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไป 90 วัน จะทำให้การปลดล็อคพรรคการเมืองเพื่อจัดประชุมใหญ่ เพื่อแก้ไขข้อบังคับ การเลือกกรรมการบริหาร และจัดตั้งสาขาพรรค รวมถึงการรับสมัครสมาชิกพรรคใหม่ต้องเลื่อนออกไปอีก 90 วัน ด้วย  

3.3 การขยายระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไป 90 วัน จะส่งผลกระทบหลายด้านตามมา ประการแรก ทำให้ประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป พรรคการเมืองยังไม่สามารถดำเนินกิจการของพรรคการเมืองได้ และประชาชนก็ยังถูกห้ามชุมนุมทางการเมืองต่อไป ประการที่สอง พรรคการเมืองก็ยังไม่สามารถที่จะประชุมเพื่อแก้ไขข้อบังคับ เลือกกรรมการบริหาร และจัดตั้งสาขาพรรค รวมถึงดำเนินการอื่น เพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งได้ จนกว่าจะครบเวลา  90 วัน ที่ขยายออกไปและ คสช. ยกเลิกประกาศทั้ง 2 ฉบับแล้ว 

3.4  การขยายระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายออกไป ทำให้ คสช. สนช. รวมถึง องค์กรในเครือข่ายของ คสช. ได้อยู่ในอำนาจต่อไป เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง และได้รับผลตอบแทนจากงบประมาณแผ่นดินในหลายตำแหน่ง เปิดโอกาสให้หัวหน้า คสช. ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้ทรัพยากรของรัฐในการหาเสียงล่วงหน้าต่อไปได้เรื่อยๆ  

4. การขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายเป็นการเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการตั้งพรรคเพื่อสนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนนอกต่อไป เพราะนอกจากกลุ่มการเมืองนี้จะได้ประโยชน์จากคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 โดยสามารถจัดประชุม จัดหาสมาชิก หรือผู้มีอุดมการณ์ร่วมกัน การเตรียมผู้สมัคร ซึ่งอาจรวมถึงการหาเสียงล่วงหน้าได้ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2561 

การขยายเวลาไปอีก 90 วัน ย่อมทำให้กลุ่มการเมืองนี้ มีเวลาเตรียมการสำหรับส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งถึงหนึ่งปีเต็ม ขณะที่พรรคการเมืองเดิมยังไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ จนกว่าจะมีการยกเลิกประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 และจะยกเลิกประกาศและคำสั่งดังกล่าวได้ ต่อเมื่อมีการประกาศใช้กฎหมายเลือกตั้งแล้ว เมื่อมีการยืดเวลาบังคับใช้กฎหมายต่อไปเท่าใดก็จะมีผลกระทบต่อพรรคการเมืองเดิมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น 

5. เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า คสช. และแม่น้ำ 5 สาย พยายามทุกวิถีทางที่จะใช้อำนาจและกระบวนการทางกฎหมายที่พวกตนสร้างขึ้นทั้งหมด รวมทั้งอำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ในการออกคำสั่งที่มีผลกระทบต่อการจัดการเลือกตั้งและต่อพรรคการเมืองโดยตรงเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมืองให้กับ คสช. และกลุ่มการเมืองที่สนับสนุน คสช. ขณะที่พรรคการเมืองเดิมไม่สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองใดได้เลย ย่อมเห็นได้ชัดเจนว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นย่อมมิได้เป็นไปอย่างเสรีและเป็นธรรมตามหลักการสากลอย่างแน่นอน 

6. การที่หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศไว้ต่อประชาชนและนานาชาติและยืนยันคำประกาศดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง ว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน  2561 การเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งออกไปจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ทั้งในประเทศ และต่อนานาชาติอย่างมีนัยสำคัญ พรรคเพื่อไทยจึงขอคัดค้าน และไม่เห็นด้วยต่อการเลื่อนระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไปอีก  90 วัน หรือจะกี่วันก็แล้วแต่ และขอเรียกร้องให้องค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย หยุดทำร้ายประเทศด้วยกระบวนการโกงกฎหมายอีกต่อไป และเร่งคืนอำนาจให้กับประชาชนตามโรดแมปที่ประกาศไว้  พรรคเพื่อไทย   24 มกราคม 2561.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.

รัฐสภา 31 พ.ค. – เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.นี้ เคาะประธาน-รองประธาน วางกรอบการทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 73 คน ประกอบด้วย สัดส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 18 คน คือ 1. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง 2. นายจักรพงษ์ แสงมณี 3. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง 4. นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม 5. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 6. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ […]

สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง

รัฐสภา 31 พ.ค.- สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง ประธานสั่งพักประชุม 5 นาที สุดท้ายงูเห่ายอมถอย ไปอยู่สัดส่วน ครม.แทน การประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลังที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติพิจารณางบประมาณรายจ่ายงบประมาณ 2569 ในขั้นตอนการเสนอชื่อกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 73 คน ในสัดส่วนของพรรคไทยสร้างไทย จำนวน 1 คน โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน และ สส.พรรคประชาชน ได้เสนอชื่อ นายชัชวาล แพทยาไทย ขณะที่นางสุภาพร สลับศรี สส.พรรคไทยสร้างไทย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ทำให้เกิดการประท้วงกันเนื่องจากมีการเสนอชื่อ 2 คน แต่ปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทยมีหนังจากกรรมการบริหารพรรคว่าจะเสนอชื่อนายชัชวาล เป็นตัวแทนของพรรคทำให้นายฐากูร ยืนยันว่าที่ผ่านมาการเสนอชื่อบุคคลเป็นกรรมาธิการวิสามัญจะต้องถูกเสนอโดยคนของพรรคตัวเอง ไม่ใช่พรรคอื่น ซึ่งวันนี้พรรคไทยสร้างไทยเสนอชื่อตน แต่พรรคการเมืองอื่นเป็นเสนอชื่ออีกคน ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่า ใครจะเป็นผู้เสนอชื่อก็ได้ขอแค่มีผู้รับรอง ก่อนจะให้เวลาทั้ง 2 ฝ่ายหารือกัน […]

“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่

รัฐสภา 31 พ.ค.-“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่ ลั่นถ้าทำให้นายกฯ ไม่ได้ ก็เปลี่ยนตัว เอาคนอื่นไปนั่งแทน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นายชาดา กล่าวว่าในฐานะที่อยู่ในสภาฯ มาพอสมควร ขอชื่นชมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีการพัฒนาในการอภิปรายอย่างมาก ปี 69 มีงบประมาณลงทุน 7 แสนล้านบาท คนพูดกันตลอดเวลาว่าทำไมช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในประเทศนี้จึงห่างขึ้นทุกวัน ยกตัวอย่าง ในงบลงทุนเป็นงบก่อสร้าง 4.75 แสนล้านบาท ซึ่งงบก่อสร้างไม่เหมือนในอดีตเพราะต้องถูกตัดไปให้ธนาคาร 5% จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูเพราะเป็นการเอาเปรียบประชาชน ในจำนวนนี้มีค่าธรรมเนียม 2.5% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องเร่งรัดการเบิกจ่ายอีก 15% ซึ่งธนาคารตัดไป 3% และคิดค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก นายชาดา กล่าวว่างบก่อสร้าง มีเครื่องจักรเหล็กหินวัสดุที่เป็นปูน หากเป็นงานถนนมีแรงงานเพียง 15% เงินส่วนนี้ไม่ได้ไปสู่ระบบข้างล่าง […]

ฝากขังพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก

นครราชสีมา 30 พ.ค. – ตำรวจคุมตัวพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก และขืนใจลูกวัย 11 ขวบ ฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา อ้างวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโหและมึนเมาสุรา จึงก่อเหตุ ความคืบหน้ากรณีพ่อเลี้ยงพระเอกลิเกสุดโหดใช้ค้อนสำหรับทุบหมู ทำร้ายลูกเลี้ยงนางเอกลิเกที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก จนบาดเจ็บเลือดคั่งในสมอง ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครราชสีมาบุกรวบตัวผู้ต้องหาคือ นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเกชื่อ “รักยิ้ม ทับทิมสยาม” พ่อเลี้ยง ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 พ.ค.) ขณะผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา ก่อนจะควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เพื่อสอบปากคำ เช้าวันนี้ (30 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา คุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผล จนผู้ต้องหา ยอมให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง อ้างว่าในวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโห พร้อมกับมีอาการมึนเมาจากการดื่มสุรา จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” ส่วนข้อหากระทำอนาจารต่อลูกสาววัย 11 ขวบ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบหลักฐาน หากตรวจพบหลักฐานที่ชัดเจนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

วิวคว้าแชมป์

“วิว-บาส-เฟม” คว้าแชมป์แบดฯ สิงคโปร์ โอเพ่น

1 มิ.ย. – “วิว กุลวุฒิ” ตบชนะ ลู กวาง ซู จากจีน 2 เกมรวด คว้าแชมป์ชายเดี่ยวแบดมินตันสิงคโปร์ โอเพ่น ส่วน “บาส-เฟม” คว้าแชมป์คู่ผสมมาครองได้สำเร็จ แบดมินตัน ระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 รายการ สิงคโปร์ โอเพ่น ที่ประเทศสิงคโปร์ ประเภทชายเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ชาวไทย ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักของไทยคนแรกที่ขึ้นมือ 1 ของโลก ตบเอาชนะ ลู กวาง ซู จากจีน 2 เกมรวด 21-6 , 21-10 คว้าแชมป์ไปครอง พร้อมฉลองแชมป์ ก่อนขึ้นมือ 1 ของโลกอย่างทางการในสัปดาห์ในการประกาศจากสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) และยังเป็นแชมป์ที่ 4 ในปีนี้ของ “วิว” […]

“มาริษ” แถลงสถานการณ์ “ไทย-กัมพูชา” คาด 1-2 สัปดาห์ได้ประชุม “JBC”

.ต่างประเทศ 1 มิ.ย.-“มาริษ” นำแถลงสถานการณ์ “ไทย-กัมพูชา” ยันทำทุกทางไม่ให้บานปลาย ย้ำ กต.ไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เผยยกหูหา “รองนายกฯ กัมพูชา” แล้ว เห็นพ้องตรงกัน เกิดความสงบความเรียบร้อยตามแนวชายแดน ด้าน “โฆษก กต.” ยันโพสต์ “ฮุนเซน” ไม่มีผล คาด 1-2 สัปดาห์ได้ประชุม “JBC” แน่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำแถลงข่าวเกี่ยวกับพัฒนาการสถานการณ์ไทย-กัมพูชา พร้อมด้วย พลเอก มนัส จันดี เสนาธิการทหาร , นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ว่า ตนได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จัดประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา โดยไทยและกัมพูชา เป็นประเทศที่มีความใกล้ชิดกัน ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องดำเนินการทุกวิถีทางที่จะไม่ให้สถานการณ์บานปลายถึงขั้นกระทบกระเทือนถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งถ้ากระทบมากไปจะไม่เป็นผลดี อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ช่องบก […]

“วิว กุลวุฒิ” นักแบดชายเดี่ยวไทยคนแรก ขึ้นเป็นมือ 1 โลก

สิงคโปร์ 1 มิ.ย.-“วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ มือ 2 ของโลก ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 พร้อมจะขยับขึ้นเป็นมือ 1 โลกชายเดี่ยว เป็นคนแรกของไทย ผลการแข่งขัน แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 รายการระดับ เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 ชิงเงินรางวัลรวม 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 33 ล้านบาท ที่สิงคโปร์ ประเภทชายเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือ 2 ของโลก และเจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก “ปารีสเกมส์ 2024” ตบเอาชนะ หลิน ชุนยี่ มือ 19 ของโลก จากไต้หวัน 2-0 เกม 21-11 […]