เพื่อไทยค้านเลื่อนบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งส.ส.

พรรคเพื่อไทย 24 ม.ค.- พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์คัดค้านเลื่อนบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งส.ส. ระบุขัดรัฐธรรมนูญ ทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของผู้มีอำนาจ และสืบทอดอำนาจ


พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอคัดค้านการเลื่อนระยะเวลาการบังคับใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  

ตามที่คณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ…. ได้มีมติเสียงข้างมากแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา  2 ของร่างกฎหมายดังกล่าว โดยให้กฎหมายมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นเวลา 90 วัน นับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้นัดประชุมเพื่อพิจารณาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ ในวันที่ 25 มกราคม 2561 นั้น 


พรรคเพื่อไทยเห็นว่า การมีมติของคณะกรรมาธิการขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยมีวาระทางการเมืองแอบแฝง เป็นการกระทำที่ไม่สุจริตและทำเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มผู้มีอำนาจ เปิดช่องให้มีการสืบทอดอำนาจและอยู่ในตำแหน่งต่อไป เป็นการกระทำที่ขาดความชอบธรรม และขาดความรับผิดชอบต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และขาดเหตุผลรองรับอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ 

1 คสช. ได้ใช้กลไกและเทคนิคหรืออภินิหารทางกฎหมาย หลายครั้งที่ทำให้เข้าใจ    ได้ว่าต้องการอยู่ในอำนาจให้ยาวนานที่สุด เริ่มตั้งแต่การที่ สปช. มีมติล้มร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ร่างโดยคณะกรรมาธิการยกร่าง ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน ทำให้นายบวรศักดิ์ ฯ ต้องออกมาพูดถึงเหตุผลของเรื่องดังกล่าวทำนองว่า เพราะเขาต้องการอยู่ยาว ต่อมาเมื่อมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ก็ได้วางกลไกในรัฐธรรมนูญให้ระยะเวลาของการเลือกตั้งยืดยาวออกไป เช่น การจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญของ กรธ. ก็ใช้เวลาถึง 240 วัน ไม่รวมระยะเวลาการพิจารณาของ สนช. และองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้อง 

ต่างกับการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวได้กำหนดให้จัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่จำเป็นต่อการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน นับจากวันที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ (ไม่ต้องรอให้รัฐธรรมนูญประกาศใช้) ขณะเดียวกัน คสช. ก็ใช้อำนาจในการออกประกาศ และคำสั่ง ห้ามพรรคการเมืองดำเนินการทางการเมืองตั้งแต่เมื่อมีการยึดอำนาจการปกครองเป็นต้นมา


นอกจากนี้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใน 150 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับมีผลใช้บังคับแล้ว ได้แก่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ขณะที่ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 กำหนดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ภายใน 90 วัน  

และดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่ง ส.ว. ภายใน 150 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. ใช้บังคับ เมื่อพิจารณากรอบเวลาดำเนินการแล้วจะแตกต่างกันอย่างมาก นอกจากนี้ถ้า คสช. และ กรธ. เห็นว่าการเลือกตั้งมีความสำคัญก็ต้องจัดให้มีกฎหมายทั้ง 4 ฉบับก่อน แต่กลับได้รับการพิจารณาหลังสุด ทั้งที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 ได้ให้ความสำคัญต่อกฎหมายทั้ง 4 ฉบับไว้เป็นลำดับต้น ๆ 

2 เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ประกาศใช้แล้ว     ซึ่งกฎหมายได้กำหนดให้พรรคการเมืองที่มีอยู่ คงเป็นพรรคการเมืองต่อไป และรับรองสมาชิกพรรคให้เป็นสมาชิกพรรคต่อไป และได้กำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินงานด้านธุรการของพรรคเพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง แต่ คสช. และ กกต. กลับตีความว่าประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองมีผลใช้บังคับอยู่ ทำให้พรรคการเมืองไม่อาจปฏิบัติตามกฎหมายได้ 

แทนที่ คสช. จะยกเลิกประกาศและคำสั่งดังกล่าว กลับออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 ยกเลิกสมาชิกพรรคและสาขาพรรคการเมืองที่มีอยู่เดิมและกำหนดเงื่อนไขและกรอบเวลาดำเนินการของพรรคการเมืองเสียใหม่ ซึ่งมีแต่เกิดผลเสียต่อพรรคการเมืองเดิม ขณะเดียวกันกลับเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มการเมืองที่เตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อรองรับการสืบทอดอำนาจของผู้นำ คสช. โดยมิได้ให้ความสำคัญว่า คำสั่งดังกล่าวจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญอย่างไร และกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของสมาชิกพรรคและพรรคการเมืองอย่างไร 

3 ระหว่างมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ของ สนช. คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กลับเสนอให้มีการเลื่อนระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายออกไปอีก 90 วัน โดยอ้างเรื่องเงื่อนไขและกรอบเวลาตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่  53/2560  จะเป็นปัญหาต่อพรรคการเมือง ซึ่งพรรคเห็นว่ามติดังกล่าวขาดความชอบธรรมและเหตุผลรองรับ ดังนี้

3.1 เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 ที่กำหนดให้จัดการเลือกตั้งภายใน  150 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ฉบับมีผลใช้บังคับแล้วนั้น ถือว่ามีความสำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับเงื่อนเวลาดังกล่าว การที่ กมธ. กำหนดให้ขยายระยะเวลาการมีผลใช้บังคับของกฎหมายออกไป 90 วัน ถือเป็นการจงใจที่จะฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และมิใช่เป็นการใช้อภินิหารทางกฎหมายเท่านั้นแต่ถือเป็น “การโกงกฎหมาย” ทีเดียว

3.2 ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 ไม่มีข้อใดที่ กมธ. จะยกเป็นข้ออ้างเพื่อขยายระยะเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไปได้ แต่ตรงกันข้ามเมื่อดูตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ข้อ 8 ที่กำหนดให้วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ใช้บังคับเป็นเงื่อนไขสำคัญของการยกเลิกประกาศ คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. ซึ่งรวมถึงประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ด้วย ดังนั้น การเลื่อนระยะเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไป 90 วัน จะทำให้การปลดล็อคพรรคการเมืองเพื่อจัดประชุมใหญ่ เพื่อแก้ไขข้อบังคับ การเลือกกรรมการบริหาร และจัดตั้งสาขาพรรค รวมถึงการรับสมัครสมาชิกพรรคใหม่ต้องเลื่อนออกไปอีก 90 วัน ด้วย  

3.3 การขยายระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไป 90 วัน จะส่งผลกระทบหลายด้านตามมา ประการแรก ทำให้ประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป พรรคการเมืองยังไม่สามารถดำเนินกิจการของพรรคการเมืองได้ และประชาชนก็ยังถูกห้ามชุมนุมทางการเมืองต่อไป ประการที่สอง พรรคการเมืองก็ยังไม่สามารถที่จะประชุมเพื่อแก้ไขข้อบังคับ เลือกกรรมการบริหาร และจัดตั้งสาขาพรรค รวมถึงดำเนินการอื่น เพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งได้ จนกว่าจะครบเวลา  90 วัน ที่ขยายออกไปและ คสช. ยกเลิกประกาศทั้ง 2 ฉบับแล้ว 

3.4  การขยายระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายออกไป ทำให้ คสช. สนช. รวมถึง องค์กรในเครือข่ายของ คสช. ได้อยู่ในอำนาจต่อไป เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง และได้รับผลตอบแทนจากงบประมาณแผ่นดินในหลายตำแหน่ง เปิดโอกาสให้หัวหน้า คสช. ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้ทรัพยากรของรัฐในการหาเสียงล่วงหน้าต่อไปได้เรื่อยๆ  

4. การขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายเป็นการเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการตั้งพรรคเพื่อสนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนนอกต่อไป เพราะนอกจากกลุ่มการเมืองนี้จะได้ประโยชน์จากคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 โดยสามารถจัดประชุม จัดหาสมาชิก หรือผู้มีอุดมการณ์ร่วมกัน การเตรียมผู้สมัคร ซึ่งอาจรวมถึงการหาเสียงล่วงหน้าได้ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2561 

การขยายเวลาไปอีก 90 วัน ย่อมทำให้กลุ่มการเมืองนี้ มีเวลาเตรียมการสำหรับส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งถึงหนึ่งปีเต็ม ขณะที่พรรคการเมืองเดิมยังไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ จนกว่าจะมีการยกเลิกประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 และจะยกเลิกประกาศและคำสั่งดังกล่าวได้ ต่อเมื่อมีการประกาศใช้กฎหมายเลือกตั้งแล้ว เมื่อมีการยืดเวลาบังคับใช้กฎหมายต่อไปเท่าใดก็จะมีผลกระทบต่อพรรคการเมืองเดิมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น 

5. เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า คสช. และแม่น้ำ 5 สาย พยายามทุกวิถีทางที่จะใช้อำนาจและกระบวนการทางกฎหมายที่พวกตนสร้างขึ้นทั้งหมด รวมทั้งอำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ในการออกคำสั่งที่มีผลกระทบต่อการจัดการเลือกตั้งและต่อพรรคการเมืองโดยตรงเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมืองให้กับ คสช. และกลุ่มการเมืองที่สนับสนุน คสช. ขณะที่พรรคการเมืองเดิมไม่สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองใดได้เลย ย่อมเห็นได้ชัดเจนว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นย่อมมิได้เป็นไปอย่างเสรีและเป็นธรรมตามหลักการสากลอย่างแน่นอน 

6. การที่หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศไว้ต่อประชาชนและนานาชาติและยืนยันคำประกาศดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง ว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน  2561 การเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งออกไปจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ทั้งในประเทศ และต่อนานาชาติอย่างมีนัยสำคัญ พรรคเพื่อไทยจึงขอคัดค้าน และไม่เห็นด้วยต่อการเลื่อนระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไปอีก  90 วัน หรือจะกี่วันก็แล้วแต่ และขอเรียกร้องให้องค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย หยุดทำร้ายประเทศด้วยกระบวนการโกงกฎหมายอีกต่อไป และเร่งคืนอำนาจให้กับประชาชนตามโรดแมปที่ประกาศไว้  พรรคเพื่อไทย   24 มกราคม 2561.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

มวลชนไม่ท้อ! ฝนถล่มกางร่มฟังปราศรัย

28 มิ.ย.- ไม่ท้อ! อนุสาวรีย์ชัยฯ ฝนตกหนัก มวลชนกางร่มฟังปราศรัย ปักหลักชุมนุมต่อเนื่อง เตรียมร่วมกิจกรรมร้องเพลงชาติไทย เวลา 18.00 น. วันนี้ (28 มิ.ย. 68) เวลาประมาณ 16.30 น. ฝนตกหนักบางช่วงในพื้นที่ชุมนุมของกลุ่ม “รวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตยไทย” บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขณะที่ แกนนำสลับกันขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมประกาศ 3 ข้อเรียกร้องหลัก คือ ให้นายกรัฐมนตรีลาออก พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และประชาชนลุกขึ้นปกป้องอธิปไตย สำหรับไฮไลท์ช่วงเย็นวันนี้ หลังร้องเพลงชาติ เวลา 18.00 น.​ จะมีการอ่านแถลงการณ์และมีแกนนำขึ้นปราศรัยใหญ่ ก่อนยุติการชุมนุมในเวลา 21.00 น. -สำนักข่าวไทย

แนวร่วมเริ่มปราศรัย! จนท.เข้มปลอดภัย-จราจรหนึบ

กทม. 28 มิ.ย.- กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปักหลักชุมนุมอนุสาวรีย์ชัยฯ จับตาไฮไลท์ช่วงเย็นแกนนำขึ้นปราศรัย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด กิจกรรมเวทีชุมนุมกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตยไทย​ เริ่มตั้งแต่ 10.00 น.​ เป็นพิธีทางศาสนาอุทิศส่วนกุศลให้กับวีรบุรุษชาติทหาร​ ก่อนที่ในช่วงเที่ยงจะมีการปราศรัยจากแนวร่วมผู้ชุมนุม ขึ้นสลับสับเปลี่ยนกัน​ แต่ไฮไลท์ของกิจกรรมจะอยู่ช่วงเย็น​ หลังร้องเพลงชาติ 18.00 น.​ จะมีการอ่านแถลงการณ์ จากนั้นระดับแกนนำจะสลับกันขึ้นปราศรัย อาทิ นายสนธิ​ ลิ้มทองกุล​ นายปานเทพ​ พัวพงษ์พันธ์ นายสมชาย​ แสวงการ นายเจษ โทณวณิก​ นายนิธร​ ล้ำเหลือ และปิดท้ายด้วยนายจตุพร​ พรหมพันธุ์ โดยจะปิดเวทีเวลา 21.00 น. นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. นำคณะเดินทางจากสะพานชมัยมารุเชฐ แถวทำเนียบรัฐบาล มาสมทบที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พร้อมกล่าวถึงภาพรวมการชุมนุม โดยยอมรับว่าได้รับรายงานเรื่องการตั้งด่านสกัด เพื่อไม่ให้เดินทางเข้ามาร่วม พร้อมย้ำการชุมนุมครั้งนี้เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นการชุมนุมของบ้านเมือง รักประเทศ และย้ำว่าการชุมนุมไม่มีท่อน้ำเลี้ยงจากกลุ่มองค์กรใด แต่เป็นท่อน้ำเลี้ยงที่มาจากเงินบริจาคของประชาชน ขณะเดียวกันไม่กังวลกลุ่มที่จะมาป่วน ด้าน […]

น้ำท่วมพญาเม็งรายเริ่มลด แต่ชาวบ้านยังเดือดร้อน

เชียงราย 28 มิ.ย.- เริ่มคลี่คลาย! สถานการณ์น้ำท่วมพญาเม็งราย จ.เชียงราย เช้านี้ระดับน้ำลดลงแล้วกว่า 80% แต่ชาวบ้านยังเดือดร้อน ไม่สามารถประกอบอาหารเองได้ สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย เช้าวันนี้ เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำลดลงไปแล้วกว่า 80% เหลือเพียงคราบโคลนจำนวนมากที่ยังปกคลุมที่อยู่อาศัยและถนนหลายสาย เช้านี้มีฝนตกโปรยปรายต่อเนื่อง  ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ยังคงเดือดร้อน ไม่สามารถประกอบอาหารเองได้ เนื่องจากขาดแคลนสิ่งจำเป็น เช่น น้ำสะอาด อุปกรณ์ทำครัว และแหล่งพลังงาน จึงขอรับการสนับสนุนอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงฟื้นฟูพื้นที่ โดยก่อนหน้านี้มณฑลทหารบกที่ 37 ลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพและสิ่งของจำเป็นเบื้องต้นแล้ว ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากเกิดฝนตกหนักอีกครั้ง -สำนักข่าวไทย

นายกฯ บินเชียงรายตรวจน้ำท่วม ไม่กังวลม็อบขับไล่ ชี้เป็นสิทธิ

บน.6 ดอนเมือง 28 มิ.ย.- นายกฯ นำคณะตรวจน้ำท่วมเชียงราย ไม่กังวลม็อบชุมนุมขับไล่ ชี้เป็นสิทธิ ยินดีคุยด้วยสันติวิธี เช้านี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ หลังฝนตกหนัก ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และให้กำลังใจกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับสัญชาติไทย ก่อนออกเดินทาง นายกรัฐมนตรีได้ตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน นัดชุมนุมใหญ่ วันนี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เรียกร้องให้ตนเองลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ได้ขอให้หน่วยงานความมั่นคงช่วยดูแลให้สงบเรียบร้อย ผู้สื่อข่าวถามว่ามีรายงานอะไรที่น่าเป็นห่วงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ยังไม่มีอะไรนะคะ” ก่อนย้อนถามว่า “มีอะไรแล้วหรือคะ” เป็นปกติ ก็เป็นสิทธิอยู่แล้ว ซึ่งได้บอกให้ดูให้เรียบร้อย ไม่อยากให้มีความรุนแรง ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าคิดว่าการชุมนุมนี้จะบานปลายหรือไม่ เพราะเป็นการรวมพลังกันของหลายกลุ่ม นายกฯ กล่าวว่า ก็หวังว่าจะไม่มี ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า ธงของการชุมนุมครั้งนี้คือต้องการให้นายกรัฐมนตรี ลาออก […]