ศาลปกครอง 22 ม.ค.- เครือข่าย People Go Network Forum พร้อมด้วยตัวแทนจากคณะเดินเท้าในกิจกรรม “We Walk เดินมิตรภาพ” ฟ้องศาลปกครองตำรวจละเมิดสิทธิ ขัดขวางการเดินแจงหลักประกันสุขภาพ
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ เครือข่าย People Go Network Forum นำโดยนายนิมิตร์ เทียนอุดม พร้อมด้วยตัวแทนจากคณะเดินเท้าในกิจกรรม “We Walk เดินมิตรภาพ” และนายสุรชัย ตรงงาม ทนายความมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม เดินทางมายื่นฟ้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-4 ต่อศาลปกครองกลาง
และขอให้มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 ยุติการดำเนินการใด ๆ ที่มีลักษณะเป็นการปิดกั้น ในการใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมของทางเครือข่าย ที่จะเดินเท้าจากจังหวัดปทุมธานีถึงจังหวัดขอนแก่น และสั่งให้ สตช.สั่งผู้ถูกฟ้องที่ 2-4 ดูแลการชุมนุมและอำนายความสะดวกให้ทางเครือข่าย จนกว่าจะสิ้นสุดการชุมนุม พร้อมเรียกร้องค่าเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิในการชุมนุม การถูกตรวจค้น ควบคุมตัวโดยพลการ เป็นเงิน 100,000 บาท ขอให้ศาลมีการไต่สวนฉุกเฉินและขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว
นายสุรชัย กล่าวว่า ทางเครือข่ายเริ่มเดินตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา แต่ถูกปิดกั้นและขัดขวางการใช้เสรีภาพการชุมนุม ทางเครือข่ายจึงดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง โดยผู้ถูกฟ้องทั้งหมดเป็นผู้ดูแลการชุมนุม ข้อหาละเมิดเสรีภาพการชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย มีพฤติการณ์คือในวันที่ 20 มกราคม มีการปิดกั้นการเดินเท้าของเครือข่าย ตามแผนการที่มีการแจ้งไว้ และมีพฤติการณ์กดดันข่มขู่ ทำให้ผู้ชุมนุมเกิดความหวาดกลัว ในการใช้สิทธิและเสรีภาพการชุมนุม ซึ่งเราเห็นว่าสิทธิเสรีภาพการชุมนุมเป็นเรื่องสำคัญในระบอบประชาธิปไตย การขัดขวางการชุมนุมที่ผ่านมา เป็นการละเมิดเสรีภาพการชุมนุมอย่างร้ายแรง
“ขอยืนยันว่าการเดินครั้งนี้ไม่ได้เป็นการกระทำผิดตามคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 แต่อย่างใด การที่ตำรวจมองว่าการขายเสื้อ i-law และการรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอให้ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพนั้น เป็นการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งผมเห็นว่าหากคิดอย่างนั้น คำสั่ง คสช.ดังกล่าว น่าจะมีปัญหา และไม่สามารถตีความอย่างกว้างขวางได้”นายสุรชัย กล่าว และยืนยันกิจกรรมการเดินครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง
ด้านนายนิมิตร์ กล่าวว่า ก่อนการทำกิจกรรมครั้งนี้เราได้มีหนังสือยื่นแจ้งการชุมนุมแล้ว เป็นการดำเนินการตามกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำตาม พ.ร.บ.การชุมนุมมาโดยตลอด และมีการสื่อสารกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเราก็เชื่ออย่างเต็มเปี่ยมว่าเราอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้แล้ว มีสิทธิและเสรีภาพที่จะแสดงออก มีสิทธิที่เราจะเห็นด้วยหรือเห็นต่างกับรัฐบาล ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่
“แต่เราไม่เข้าใจว่าก่อนการชุมนุมเราได้ยื่นเอกสารแจ้งการชุมนุมที่ชัดเจน และมีการชี้แจงรายละเอียดการทำกิจกรรมว่าจะมีการเดินไปที่ไหนอย่างไร ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนจะเข้าไปร่วมทางการเมือง ซึ่งผมคิดว่าการปิดกั้นการใช้เสรีภาพแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูก ดังนั้นเราจะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงจึงต้องมาพึ่งอำนาจศาลปกครอง”นายนิมิตร์ กล่าว
นายนิมิตร์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่เริ่มเดินแล้ว มีการประสานงานกับทางวัดตามเส้นทางเดินเพื่อขอนอน ซึ่งตอนแรกทุกวัดก็ยินดีที่จะให้ไปพักค้างคืน แต่หลังจากนั้นกลับมีทหารและตำรวจเข้าไปภายในวัด แล้วข่มขู่เจ้าอาวาสวัด ว่าอย่ามายุ่งในเรื่องนี้ เดี๋ยวจะมีปัญหา ถือเป็นการคุกคามการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างวัดกับประชาชนถูกทำลาย
“เดิมที่ตั้งใจตามแผนจะเดิน 50-100 คน แต่ไม่สามารถทำได้ ขณะนี้จึงปรับเป็นการเดินเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คนแทน ซึ่งเราจะพยายามเดินให้ถึงจังหวัดขอนแก่นให้ได้ จะอุ้มก็อุ้ม แต่ถ้าตอนนี้จะมีวัดไหนที่ช่วยเหลือให้ที่พักอาศัยได้ ก็อาจจะมีการจัดเวทีพูดคุยกับชาวบ้าน ซึ่งขณะนี้ถึงจังหวัดสระบุรีแล้ว แต่คืนนี้ยังไม่รู้ว่าจะนอนไหน และถ้าเข้าไปนอนแล้วก็ยังไม่รู้ว่าตอนเช้าจะได้ออกมาไหม”นายนิมิตร์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย