กทม.19 ม.ค.-นักธุรกิจหนุ่มหอบหลักฐานสัญญาซื้อขายหมู่บ้านของนักพูดชื่อดังเป็นเจ้าของโครงการ ร้องสื่อฯ หลังโดนสัญญาไม่เป็นธรรม
นายอธิราช ชูเรือง นักธุรกิจ อายุ 47 ปีนำเอกสารหลักฐานใบสัญญาจะซื้อจะขายใบเสร็จรับเงินข้อความการพูดคุยผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์กับพนักงานขาย มาร้องกับสื่อมวลชน หลังทำสัญญาจองซื้อบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา ที่นักพูดชื่อดังเป็นเจ้าของโครงการ โดยได้เล่าลำดับเหตุการณ์ว่าเมื่อวันที่19 ก.พ.2559 ได้จองซื้อบ้าน แปลงที่ 86 ไว้ จำนวน 1แปลง ในราคา 4,055,270 พื้นที่ 53.63 ตารางวา วางมัดจําไว้ ในการจองไว้ตามใบเสร็จเล่มที่ 1 เลขที่ 86 ลงวันที่ 28 ม.ค.2559 เป็นใบเสร็จจํานวนเงิน 1 หมื่นบาท
ต่อมาวันที่ 8 มี.ค.2559 ทางโครงการได้ขอให้เปลี่ยนแปลงใหม่เป็นแปลงที่ 73 ราคา 4,059,570 บาท ขนาดพื้นที่ 50.33 ตารางวา ซึ่งมีขนาดเล็กลง 3ตารางวาแต่ราคาแพงขึ้น โดยให้เหตุผลว่าเป็นแปลงสวยติดถนนเมนหลัก ด้วยความเป็นลูกศิษย์ จึงไว้วางใจในเจ้าของโครงการ จึงวางมัดจําไป 100,000 บาท ได้ใบเสร็จ 2ใบ คือ1.เล่มที่02 เลขที่ 86(2) ลงวันที่8/3/2016 จํานวนเงิน 50,000 บาท,2.เล่มที่03 เลขที่86(3) ลงวันที่8/3/2016 จํานวนเงิน 50,000 บาท,จนกระทั่ง 22 พ.ย.2559 มีน.ส.อัจฉรา (นามสมมติ) ส่งจดหมายมาทางแอพพลิเคชั่นไลน์โดยหนังสือลงวันที่ 11พ.ย.2559 นัดแจ้งโอนสิทธิ์ ซื้อบ้านภายใน 30 วัน และวันที่1ธ.ค.2559 น.ส.อัจฉราส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ว่าขอสัญญา แปลงที่ 73 คืนจะขอเปลี่ยนบ้านแปลงใหม่มาให้และได้ส่งสัญญาคืนไป
จากนั้นวันที่ 5 เม.ย.2560 น.ส.อัจฉรา ส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์มาว่าให้ตนนัดโอนบ้านและโอนกรรมสิทธิ์ให้เสร็จสิ้นภายใน 7วันนับจากที่จดหมายนี้ถึงจดหมาย ลงวันที่ 4 เม.ย.2560 โดยไม่มีผู้ลงนาม มีเพียงชื่อฝ่ายบัญชีตรวจสอบที่ดินฉะเชิงเทราให้เสร็จสิ้น ซึ่งแปลงนี้ได้คืนไปตั้งแต่วันที่1 ธ.ค.2559 และไม่มีการส่งจดหมายใดๆมาได้มีการทวงถาม
จากนั้นทางบริษัทส่งจดหมายลงทะเบียนไปที่บ้าน ตามภูมิลําเนาในบัตรประชาชน จ.สงขลา โดยแม่ตนได้เปิดจดหมายและรับทราบว่าจะโดนริบเงินค่ามัดจําบ้านในจดหมายลงวันที่8ก.ย.2560 เนื่องจากทําผิดสัญญาไม่ได้มาโอนบ้านและอ้างถึงเอกสาร2 ฉบับคือ วันที่ 8 มี.ค.2559 และวันที่ 4 เม.ย.2560 โดยขอริบเงินจองทั้งหมดของตนไม่มีผู้ลงนาม เขียนเพียงว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายเท่านั้น
นายอธิราช เปิดเผยว่า ใช้เงินจากน้ำพักน้ำแรงซื้อบ้านหลังนี้ เป็นบ้านหลังที่2 เพื่ออยู่อาศัย ด้วยความไว้ใจในเจ้าของโครงการที่เป็นนักพูดชื่อดัง ซึ่งตนก็เป็นศิษย์ที่ร่ำเรียนในคลาส แม้ทางโครงการขอเปลี่ยนแปลงมาแล้ว 2 ครั้ง ก็ยินยอมแต่ในครั้งที่ 3 ไม่ได้ส่งเอกสารแปลงที่เปลี่ยนมาให้ว่าต้องทําอย่างไร แต่กลับมีจดหมายส่งมาให้โอนกรรมสิทธิ์ โดยไม่ระบุว่าโอนแปลงไหน กระทั่งวันที่ 8 ก.ย.2560 มี จดหมายขอริบเงินจอง รวม 1.1 แสนบาท ตนมองว่าการกระทําของ บริษัท มีเจตนาหรือจงใจที่จะมีการทําธุรกิจที่ไม่ซื่อสัตย์กับลูกค้าในการซื้อบ้านตั้งแต่แรก จึงออกมาเรียกร้องให้พิจารณาการเรียกร้องค่าเสียหายและค่าเสียโอกาส คืนเงิน 1.1 แสนบาท โดยได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ลาดพร้าว พร้อมให้ทนายเป็นผู้แทนรับเรื่อง และให้เวลาทางโครงการหมู่บ้านติดต่อกลับภายใน 5 ก.พ.นี้ หากไม่ดำเนินการอาจให้ทนายดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ขณะที่ทีมข่าวสำนักข่าวไทย อสมท โทรศัพท์สอบถามไปยังฝ่ายเลขาของนักพูดชื่อดัง ปรากฎไม่มีคนรับสาย จากนั้น จึงพยายามติดต่อไปยัง น.ส.อัจฉราที่มีชื่อระบุเป็นฝ่ายขายโครงการดังกล่าวได้รับคำตอบเพียงว่าขอให้ ฝ่ายกฎหมายให้คำตอบ ก่อนโอนสายให้อีกฝ่ายเป็นผู้ให้คำตอบว่าเรื่องนี้ได้ให้ทนายของบริษัท แจ้งความลงบันทึกประจำวัน ไว้ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายก่อนขอตัดบทและวางสายไป .-สำนักข่าวไทย