กทม.16 ม.ค.- ปิดฉากคดี อดีตการ์ด นปช.ยิง M79 ใส่ กปปส.หน้าตึกชินฯ เมื่อปี 57 ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุก”ณรงค์ศักดิ์ พลายอร่าม” 35 ปี 4 เดือน ยกฟ้อง”พีรพงษ์ สินธุสนธิชาติ”
ศาลอาญา รัชดาฯ ศาลนัดแจ้งคำพิพากษาศาลฎีกาคดี ที่พนักงานฯยื่นฟ้องนาย อดีตการ์ด นปช.และนายพีรพงษ์ หรือธานินทร์ สินธุสนธิชาติ ชาว จ.ระยอง ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, กระทำการให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลฯ, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์
สืบเนื่องจากวันที่ 7 มี.ค.57 จำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังไม่ได้นำตัวมาฟ้อง ร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้อง โดยร่วมกันใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนยิงเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. บริเวณหน้าอาคารชินวัตร 3 แขวงและเขตจตุจักร โดยจำเลยทั้งสองกับพวกย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าลูกระเบิดยิงชนิดระเบิดสังหารที่มีอานุภาพทำลายล้างที่รุนแรงสามารถทำอันตรายแก่ชีวิตบุคคลที่สัญจรผ่านบริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิต และกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่ชุมนุมอยู่บริเวณอาคารที่เกิดเหตุ จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อ 6 พ.ย.58 ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 43 ปี 4 เดือน พร้อมริบของกลาง ต่อมามีการยื่นอุทธรณ์ และจำเลยทั้งสองถูกควบคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางจังหวัดระยองและสระบุรีเพราะถูกดำเนินคดีอื่น ศาลจังหวัดระยองได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อ 24 ส.ค.59 โดยพิพากษาแก้ให้จำคุกนายณรงค์ศักดิ์ 35 ปี 4 เดือน และยกฟ้องนายพีรพงษ์ แต่ให้ขังระหว่างฎีกา ต่อมาโจทก์และนายณรงค์ศักดิ์ ยื่นฎีกา ศาลจังหวัดสระบุรีได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อ15 ธ.ค.60 ให้จำเลยฟังแล้ว วันนี้ (16 ม.ค.) ศาลอาญานัดแจ้งผลคำพิพากษาศาลฎีกาให้อัยการโจทก์ทราบเท่านั้น จึงไม่มีการเบิกตัวจำเลยมาศาล
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่าคำเบิกความของนายยงยุทธ ชินจัง บุญดี สอดคล้องกับที่ให้การหลังถูกจับกุมเพียง 2 วัน คำให้การมีรายละเอียดการก่อเหตุรุนแรงของนายยงยุทธถึง 10 ครั้ง ยากที่จะคิดปรุงแต่ง ในชั้นสอบสวนนายยงยุทธยังให้การทั้งในฐานะผู้ต้องหาและพยานยืนยันการก่อเหตุรุนแรงดังกล่าวเช่นเดิม และนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ แม้คำเบิกความของนายยงยุทธเป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิดกับนายณรงค์ศักดิ์ จำเลยที่ 1 แต่นายยงยุทธมิได้เบิกความให้ตนเองพ้นผิดโดยปัดความผิดไปให้จำเลยที่ 1 เพียงผู้เดียว พยานหลักฐานโจทก์นำสืบมาข้อเท็จจริงรับฟังได้ปราศจากข้อสงสัย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่านายพีรพงษ์ จำเลยที่ 2 กระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 หรือไม่นั้น ศาลเห็นว่าโจทก์มีเพียงบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 ที่ให้การในฐานะพยานและผู้ต้องหา จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพประกอบบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ซึ่งต่างเป็นพยานบอกเล่า นายยงยุทธก็ไม่ได้ให้การว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดในคดีนี้ด้วย โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมาสนับสนุนบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 2 ให้มีน้ำหนักรับฟัง พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมามีข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดคดีนี้หรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 2 ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกนายณรงค์ศักดิ์ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 35 ปี 4 เดือน และยกฟ้องนายพีรพงษ์ จำเลยที่ 2.-สำนักข่าวไทย
