ปปง.15ม.ค.-ปปง.หารือสถาบันการเงิน 36 แห่งเข้ม 7 มาตรการเปิดบัญชีธนาคาร ป้องกันแก๊งค์คอลเซนเตอร์และมิจฉาชีพสวมรอยบัตรประชาชน ‘ชื่อนามสกุล-อาชีพ-วันเดือนปีเกิด-เลขประจำตัวบัตรประชาชน-ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน/ที่อยู่ปัจจุบัน-หมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้จริง-ลายมือชื่อผู้ทำธุรกรรม’
บ่ายวันนี้ (15 ม.ค.) พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง. ) รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง.หารือร่วมกับสถาบันการเงิน ภาคธุรกิจ 36 แห่งวางมาตรการป้องกันมิจฉาชีพ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์สวมรอยบัตรประชาชนผู้อื่นไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้โอนเงิน ซ้ำรอยคดี น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ที่ถูกขโมยบัตรประจำตัวประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง จนเกิดความเสียหายต่อบุคคลและกระทบความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงิน
พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ กล่าวภายหลังการประชุม โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ว่าที่ประชุมมีมติกำหนดมาตรการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบผู้เปิดบัญชีธนาคารต้องแสดงตนอย่างน้อย 7 อย่าง ประกอบด้วยชื่อ-นามสกุล อาชีพ วันเดือนปีเกิด เลขประจำตัวบัตรประชาชน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านและที่อยู่ปัจจุบัน หมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้จริง ลายมือชื่อผู้ทำธุรกรรม พร้อมตรวจสอบทางกายภาพ เช่นใบหน้า รูปร่าง ว่าตรงกับหลักฐานที่นำ มาแสดงหรือไม่ นอกจากนี้ให้สถาบันการเงินเร่งประสานกรมการปกครอง ติดตั้งโปรแกรมตรวจสอบสถานะบัตรประชาชนว่าเป็นบัตรที่สามารถใช้ได้จริงหรือไม่ มีการแจ้งยกเลิกแจ้งหายหรือไม่
นายยงศักดิ์ เซี่ยงหลอ ผอ.อาวุโสฝ่ายตรวจสอบ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดมาตรการให้สถาบันการเงินตรวจสอบสถานะลูกค้าที่เปิดบัญชีใหม่โดยติดต่อไปยังเจ้าของบัญชีตามที่อยู่ที่ปรากฎในทะเบียนราษฎร์ เพื่อรับรองว่าเป็นตัวจริง พร้อมออกคู่มือระเบียบการตรวจสอบให้ธนาคารทุกแห่งปฏิบัติตามขั้นตอนตรวจสอบ เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของสถาบันการเงิน.-สำนักข่าวไทย