ธปท. 12 ม.ค. – สภาผู้ส่งออกพอใจผลหารือ ธปท. ยอมรับผู้ส่งออกต้องดูแลตัวเอง ดึงเอสเอ็มอีทำประกันความเสี่ยง
นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือสภาผู้ส่งออก เปิดเผยภายหลังหารือกับนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.เป็นเวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง ว่า พอใจผลการหารือ แม้ว่าค่าเงินบาทวันนี้จะแข็งค่าหลุดระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐก็ตาม ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวรับให้ได้กับสถานการณ์เงินบาทแข็งค่า แม้ค่าเงินบาทอาจจะแข็งค่าไปถึง 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
เพราะเมื่อปี 2556 ค่าเงินบาทเคยแข็งค่าไปถึง 28 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ผู้ส่งออกก็ยังมีศักยภาพการส่งออกได้ดี และที่ผ่านมาทาง ธปท.ได้รับทราบถึงความต้องการของผู้ส่งออกว่าค่าเงินที่เหมาะสมสำหรับผู้ส่งออกควรจะอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นางสาวกัณญภัค กล่าวว่า การเข้าหารือวันนี้ได้ข้อสรุปร่วมกัน 5 ข้อ คือ 1.ผู้ส่งออกมีความเข้าใจถึงสาเหตุที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น ว่ามาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐประมาณร้อยละ 10 และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 2. แนวโน้มค่าเงินบาทจะยังแข็งค่าขึ้นอีก เพราะการส่งออกยังขยายตัวได้ดี โดยปีนี้ส่งออกจะขยายตัวสูงถึงร้อยละ 5.5 หรือมีมูลค่า 231,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลมากขึ้น
3.ธปท.แนะนำให้ผู้ประกอบการใช้เครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง โดยเฉพาะ FX Options หรือการซื้อสิทธิ์ในการล็อคเรตอัตราแลกเปลี่ยนไว้ล่วงหน้า ซึ่งสมาคมธนาคารไทยและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว.สนับสนุนให้เอสเอ็มร่วมโครงการนี้ ซึ่งปัจจุบันมีเอสเอ็มอีที่ใช้เครื่องมือนี้เพียง 200 ราย จากเอสเอ็มอี 17,000 ราย ซึ่งสภาผู้ส่งออกจะช่วยส่งเสริมให้เอสเอ็มอีเข้าร่วมโครงการมากขึ้น
4.สนับสนุนให้ผู้ส่งออกใช้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่าด้วยการนำเข้าวัตถุดิบสินค้าทุนและเครื่องจักร เพื่อมาลงทุนและปรับประสิทธิภาพ เสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจมากขึ้น และ 5.ให้ผู้ส่งออกหันมาใช้เงินสกุลท้องถิ่นในการค้าขายแทนเงินดอลลาร์สหรัฐ เช่น เงินหยวน เยน และยูโร เป็นต้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินไปมา
“ถ้าได้ 33 บาทเราก็ดีใจ แต่ถ้าไม่ได้เราก็ต้องดูแลตัวเอง ผู้ประกอบก็เข้าใจที่ต้องมีการปรับตัว ซึ่งแบงก์ชาติก็มีโครงการให้ความร่วมมือหลายส่วน โดยเฉพาะการบริหารความเสี่ยงกับเอสเอ็มอี ซึ่งวันนี้เราก็เข้าใจ” นางสาวกัณญภัค กล่าว.- สำนักข่าวไทย